แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในการบรรยายฟ้องคดีแพ่งนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 กำหนดแต่เพียงว่าจะต้องแสดงให้แจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเท่านั้น หาต้องบรรยายถึงข้อเท็จจริงและรายละเอียดไม่ คำฟ้องของโจทก์ที่บรรยายว่าจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกหกล้อโดยปราศจากความระมัดระวังและเป็นเหตุให้ชนเฉี่ยวรถของโจทก์ได้รับความเสียหาย จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 โดยประมาทเลินเล่อเฉี่ยวชนรถของโจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์เสียหายไม่เกิน 1,000 บาท จำเลยที่ 1 มิใช่ลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องร่วมรับผิด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 12,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 ฎีกาปัญหาข้อกฎหมายเพียงข้อเดียวว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 เห็นว่า การบรรยายฟ้องในคดีแพ่งนั้นประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตราดังกล่าวกำหนดแต่เพียงว่าจะต้องแสดงให้แจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเท่านั้น หาต้องบรรยายถึงข้อเท็จจริงและรายละเอียดไม่ คำฟ้องของโจทก์ที่บรรยายว่าจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกหกล้อหมายเลขทะเบียน 70-9941 กรุงเทพมหานคร โดยปราศจากความระมัดระวังและเป็นเหตุให้ชนเฉี่ยวรถของโจทก์หมายเลขทะเบียน5บ-8710 กรุงเทพมหานคร ได้รับความเสียหาย จึงชอบด้วยกฎหมายแล้วไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม ฎีกาจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน