คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 662/2554

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยสมัครใจเสพเมทแอมเฟตามีนและดื่มสุราในวันเกิดเหตุโดยรู้ว่าจะทำให้มึนเมาแล้วกระทำผิดคดีนี้ จำเลยจะยกขึ้นเป็นข้อแก้ตัวว่ากระทำความผิดในขณะไม่สามารถรู้ผิดชอบแล้วไม่สามารถบังคับตนเองตาม ป.อ. มาตรา 65 หาได้ไม่อีกทั้งจำเลยกระทำความผิดหลายกรรมทั้งชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายและข่มขืนกระทำชำเราเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย และเป็นการกระทำผิดแก่ผู้ตายซึ่งเป็นผู้เยาว์และเป็นนักเรียนโดยใช้อาวุธมีดแทงผู้ตายจำนวนหลายแผลถูกอวัยวะสำคัญจนถึงแก่ความตาย ลักษณะความผิดเป็นเรื่องร้ายแรง และไม่เคราพยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง ทั้งในชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธในความผิดดังกล่าวซึ่งกฎหมายกำหนดโทษให้ประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษประหารชีวิตแก่จำเลยนับว่าเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่จะลดโทษประหารชีวิตให้แก่จำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 277 ทวิ, 288, 339, 340 ตรี, 371, 91, 93 เพิ่มโทษจำเลยกึ่งหนึ่งตามกฎหมาย ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคากระเป๋าใส่หนังสือนักเรียนและกระเป๋าเงินเป็นเงิน 550 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การรับสารภาพข้อหาพาอาวุธมีดและข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยมีจิตบกพร่องไม่สามารถรู้ผิดชอบ ส่วนข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้การปฏิเสธ และรับว่าเคยต้องโทษและพ้นโทษมาแล้วจริงตามฟ้อง
ระหว่างพิจารณาก่อนเริ่มสืบพยาน นางฐาณิฏฐ์ หรือชื่อและชื่อสกุลเดิมนางจุฑามาศ มารดาของนางสาววีร์วิมล ผู้ตายยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ตน 600,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยแถลงว่า ค่าสินไหมทดแทนที่เรียกมาสูงเกินความจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคแรก ประกอบมาตรา 277 ทวิ (2), 288, 339 วรรคสอง วรรคท้าย ประกอบมาตรา 340 ตรี, 371 (เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91) ฐานพาอาวุธมีด ปรับ 100 บาท ฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทกับฐานฆ่าผู้อื่น ลงโทษฐานชิงทรัพย์อันเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ประหารชีวิต ฐานข่มขืนกระทำชำเราเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำถึงแก่ความตาย เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทกับฐานฆ่าผู้อื่น ลงโทษฐานข่มขืนกระทำชำเราเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำถึงแก่ความตายซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ประหารชีวิต ไม่เพิ่มโทษตามที่โจทก์ขอตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 เพราะเป็นการลงโทษประหารชีวิตซึ่งไม่อาจเพิ่มโทษได้อีก จำเลยให้การรับสารภาพฐานพาอาวุธมีดและให้การชั้นสอบสวนและนำสืบเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาฐานชิงทรัพย์ฯ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ฐานพาอาวุธมีดกึ่งหนึ่ง และฐานชิงทรัพย์ฯ หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52(1) คงปรับฐานพาอาวุธมีด 50 บาท จำคุกฐานชิงทรัพย์ ฯ ตลอดชีวิต เมื่อลงโทษฐานข่มขืนกระทำชำเราฯ ให้ประหารชีวิตจำเลยแล้ว ไม่อาจนำโทษจำคุกฐานชิงทรัพย์ฯ มารวมได้อีก คงให้ประหารชีวิตจำเลยสถานเดียวและปรับ 50 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้ยึดทรัพย์สินใช้ค่าปรับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคากระเป๋าใส่หนังสือนักเรียนและกระเป๋าเงินเป็นเงิน 550 บาท แก่ผู้เสียหาย และชำระเงินให้แก่ผู้ร้อง 600,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่นำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี มาปรับบทลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกา ของจำเลยว่า มีเหตุลดโทษประหารชีวิตให้แก่จำเลยหรือไม่ จำเลยฎีกาว่า จำเลยกระทำผิดเนื่องจากวันเกิดเหตุจำเลยเสพเมทแอมเฟตามีนและดื่มสุราทำให้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไม่ปกติ ขอให้ศาลลดโทษประหารชีวิตแก่จำเลย เห็นว่า การที่จำเลยสมัครใจเสพเมทแอมเฟตามีนและดื่มสุราในวันเกิดเหตุโดยรู้ว่าจะทำให้มึนเมาแล้วกระทำผิดคดีนี้ จำเลยจะยกขึ้นเป็นข้อแก้ตัวว่ากระทำความผิดในขณะไม่สามารถรู้ผิดชอบแล้วไม่สามารถบังคับตนเองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 65 หาได้ไม่ และได้ความว่าจำเลยกระทำผิดหลายกรรมทั้งชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายและข่มขืนกระทำชำเราเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายและเป็นการกระทำผิดแก่ผู้ตายซึ่งเป็นผู้เยาว์และเป็นนักเรียนโดยใช้อาวุธมีดแทงผู้ตายจำนวนหลายแผลถูกอวัยวะสำคัญจนถึงแก่ความตาย ลักษณะความผิดเป็นเรื่องร้ายแรงและไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง ทั้งในชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธในความผิดดังกล่าวซึ่งกฎหมายกำหนดโทษให้ประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษประหารชีวิตแก่จำเลยนับว่าเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่จะลดโทษประหารชีวิตให้แก่จำเลย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share