คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 660/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนเล้าไก่ส่วนที่รุกล้ำออกไปจากที่ดินโจทก์อ้างการกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนเล้าไก่ส่วนที่จำเลยปลูกสร้างรุกล้ำเป็นคำฟ้องที่ต้องบังคับแก่จำเลยโดยตรงได้ เพราะผู้กระทำการละเมิดโจทก์คือจำเลย และเป็นการขอให้รื้อถอนเฉพาะส่วนที่รุกล้ำที่ดินโจทก์ แม้จำเลยจะโอนที่ดินแปลงที่บ้านและเล้าไก่ปลูกอยู่ให้ ป. บุตรชายไปก่อนแล้วก็ตาม การบังคับจำเลยให้รื้อถอนเล้าไก่เฉพาะส่วนที่รุกล้ำที่ดินโจทก์ก็หาได้กระทบกระเทือนสิทธิใด ๆ ของ ป. ผู้รับโอนที่ดินจากจำเลยแต่อย่างใดไม่ ดังนี้ศาลจึงอาจพิพากษาให้ตามคำขอท้ายฟ้องได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 4359 ตำบลคลองแห อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เนื้อที่ 33 ตารางวาจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 2037 ตำบลคลองแห อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เนื้อที่ 1 งาน 93 ตารางวาเมื่อเดือนมีนาคม 2540 โจทก์เข้าไปในที่ดินของโจทก์พบว่าจำเลยสร้างเล้าไก่รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ประมาณ 50 เซนติเมตร ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ทำที่ดินให้เป็นดังเดิมและห้ามเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์อีกต่อไปให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเดือนละ 3,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินโจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยได้ครอบครองทำประโยชน์ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 2037 ตำบลคลองแห อำเภอหาดใหญ่จังหวัดสงขลา มาตั้งแต่ปี 2521 จำเลยปลูกสร้างบ้านบนที่ดินแปลงดังกล่าวโดยไม่มีผู้ใดโต้แย้งคัดค้าน จำเลยมิได้สร้างเล้าไก่รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์จำเลยยกที่ดินแปลงดังกล่าวให้แก่นายปรีชา ประทุม บุตรชายของจำเลยตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2539 ก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ยกฟ้อง

ระหว่างพิจารณา จำเลยถึงแก่กรรม โจทก์ยื่นคำร้องขอให้หมายเรียกนายปรีชา ประทุม ทายาทของจำเลยเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลชั้นต้นอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนเล้าไก่ออกจากที่ดินของโจทก์ทำที่ดินของโจทก์ให้เป็นดังสภาพเดิม ห้ามเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์ต่อไปและชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เดือนละ 2,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว (ฟ้องวันที่ 5 มิถุนายน 2540)

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่า คดีของโจทก์สามารถบังคับคดีแก่จำเลยได้ เพราะจำเลยรับแล้วว่าเป็นผู้ปลูกสร้างเล้าไก่ในที่พิพาทจริงนั้น คดีนี้จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยไม่ได้ปลูกสร้างเล้าไก่รุกล้ำที่ดินโจทก์ ค่าเสียหายที่ศาลชั้นต้นกำหนดสูงกว่าสภาพความเป็นจริงและโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 9 วินิจฉัยเฉพาะประเด็นเรื่องอำนาจฟ้องว่าโจทก์มีอำนาจฟ้อง แต่คำขอท้ายฟ้องที่ให้บังคับจำเลยรื้อถอนเล้าไก่เป็นการกระทบกระเทือนถึงสิทธิของบุคคลภายนอกซึ่งมิได้เป็นคู่ความโดยตรง พิพากษาให้ตามคำขอท้ายฟ้องไม่ได้ โดยยังไม่ได้วินิจฉัยในประเด็นปัญหาว่าจำเลยปลูกสร้างเล้าไก่รุกล้ำที่ดินโจทก์หรือไม่ และในประเด็นเรื่องค่าเสียหาย เห็นว่า เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนเล้าไก่ส่วนที่รุกล้ำออกไปจากที่ดินโจทก์ อ้างการกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนเล้าไก่ส่วนที่จำเลยปลูกสร้างรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์ เป็นคำฟ้องที่ต้องบังคับแก่จำเลยโดยตรงได้ เพราะผู้กระทำการละเมิดโจทก์คือจำเลย การขอบังคับก็ขอให้รื้อถอนเฉพาะส่วนที่รุกล้ำที่ดินโจทก์แม้จำเลยจะโอนที่ดินแปลงที่บ้านและเล้าไก่ปลูกอยู่ให้นายปรีชา ประทุมบุตรชายไปก่อนแล้วก็ตาม การบังคับจำเลยให้รื้อถอนเล้าไก่เฉพาะส่วนที่รุกล้ำที่ดินโจทก์ก็หาได้กระทบกระเทือนสิทธิใด ๆ ของนายปรีชาผู้รับโอนที่ดินจากจำเลยแต่อย่างใดไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 เห็นว่า จำเลยโอนที่ดินที่ปลูกสร้างเล้าไก่ให้นายปรีชาแล้ว การบังคับคดีแก่จำเลยตามคำฟ้องกระทำไม่ได้นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น เนื่องจากศาลอุทธรณ์ภาค 9 ยังมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าจำเลยปลูกสร้างเล้าไก่รุกล้ำที่ดินโจทก์หรือไม่ และประเด็นเรื่องค่าเสียหาย เพื่อให้การวินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นไปตามลำดับชั้นศาล จึงสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาใหม่”

พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9 ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 9พิพากษาคดีใหม่ตามอุทธรณ์จำเลยต่อไป

Share