แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามให้รับผิดในฐานะที่โจทก์เป็นผู้รับช่วงสิทธิตาม ป.พ.พ.มาตรา 880 สิทธิของโจทก์ย่อมเกิดขึ้นนับตั้งแต่วันที่โจทก์ได้ชำระค่าสินไหมทดแทนเป็นต้นไป ฉะนั้น โจทก์จะคิดดอกเบี้ยนับตั้งแต่วันทำละเมิดเสมือนเป็นผู้เสียหายที่ถูกละเมิดโดยตรงมิได้ เมื่อโจทก์ชำระค่าสินไหมทดแทนแต่ละจำนวนไปในวันใดโจทก์ชอบที่จะคิดดอกเบี้ยในจำนวนค่าสินไหมทดแทนจำนวนดังกล่าวนับแต่วันนั้นเป็นต้นไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุจำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ และกระทำในทางการที่จ้าง ได้ขับรถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ ๒ ซึ่งจำเลยที่ ๓ ได้รับประกันภัยไว้โดยประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้ชนกับรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัย โจทก์ได้เสียค่าซ่อมแซมรถยนต์ดังกล่าวไปแล้ว ๖๒,๐๕๗ บาท เมื่อคิดดอกเบี้ยนับแต่วันละเมิดถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๔,๔๕๙ บาท ขอศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน ๖๖,๕๑๖ บาทแก่โจทก์ พร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน ๖๒,๐๕๗ บาท นับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสามให้การว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมิใช่ความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ จึงไม่ต้องรับผิด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระค่าเสียหายให้โจทก์เป็นเงิน ๓๕,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันทำละเมิดสำหรับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ
โจทก์และจำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของจำเลยที่ ๑ แต่ฝ่ายเดียว จำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ ขณะเกิดเหตุได้ขับรถยนต์ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๒ และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า มีปัญหาว่า โจทก์มีสิทธิจะเรียกดอกเบี้ยได้นับตั้งแต่เมื่อใด คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามให้รับผิดในฐานะที่โจทก์เป็นผู้รับช่วงสิทธิสิทธิของโจทก์ย่อมเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่โจทก์ได้ชำระค่าสินไหมทดแทนเป็นต้นไป ฉะนั้นโจทก์จะคิดดอกเบี้ยนับตั้งแต่วันทำละเมิดเสมือนเป็นผู้เสียหายที่ถูกทำละเมิดโดยตรงมิได้ ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่โจทก์นำสืบว่า โจทก์ได้จ่ายค่าลากรถทั้งสองคันจำนวน ๒,๐๐๐ บาท เมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๔ และจำนวน ๓,๐๐๐ บาท เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๒๔ จ่ายค่าซ่อมรถทั้งสองคัน จำนวน ๑๖,๕๐๐ บาท เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๒๓ และจำนวน ๒๓,๐๐๐ บาท เมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๔ จ่ายค่าเครื่องอะไหล่จำนวน ๑๗,๔๖๓ บาท เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๒๔ และจ่ายค่าขนส่งเครื่องอะไหล่ดังกล่าวจำนวน ๙๔ บาท เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๒๔ ย่อมถือได้ว่า โจทก์ได้รับช่วงสิทธิมาในวันดังกล่าวแล้ว โจทก์ชอบที่จะคิดดอกเบี้ยในจำนวนค่าสินไหมทดแทนนับแต่วันดังกล่าวเป็นต้นไป
พิพากษากลับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน ๖๒,๐๕๗ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงินแต่ละจำนวนนับตั้งแต่วันที่โจทก์ได้จ่ายเงินจำนวนนั้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเงินให้โจทก์เสร็จ ให้จำเลยทั้งสามเสียค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความทั้งสามศาลรวม ๓,๕๐๐ บาท