แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองที่พิพาท ขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 (2) โจทก์เป็นผู้ครอบครองจึงมีสิทธิดีกว่าจำเลย ส่วนที่โจทก์ขอให้ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องนั้น ไม่อาจห้ามจำเลยเกี่ยวข้องเสียทั้งหมดได้เพราะจะเป็นการขัดวัตถุประสงค์ของการใช้สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทนี้จะห้ามได้เฉพาะกรณีที่เข้าไปเกี่ยวข้องโดยที่มิได้เป็นไปเพื่อการใช้ที่ดินตามวัตถุประสงค์ของสาธารณสมบัติของแผ่นดินเท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินที่นายบุญฉ้วน เลาหะกุล แจ้งการครอบครองตามแบบ ส.ค.๑ ตั้งอยู่ตำบลตะลุบัน อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานีเดิมเป็นที่รกร้างว่างเปล่า โจทก์ได้เข้าครอบครองทำประโยชน์โดยความสงบเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมาประมาณ ๒๐ ปี ย่อมได้สิทธิครอบครองเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๑ โจทก์กับจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของนายบุญฉ้วนได้พิพาทกันเกี่ยวกับที่ดินทางทิศใต้ที่พิพาท ได้มีการทำแผนที่พิพาท จำเลยนำชี้ว่าที่ดินแปลงด้านทิศใต้ที่พิพาทว่าเป็นของตน แสดงว่าจำเลยเจตนาสละการครอบครองที่พิพาท ทั้งยังได้เบิกความเป็นพยานในคดีนั้นว่านายบุญฉ้วนเป็นผู้อุทิศให้ที่พิพาทเป็นที่สาธารณะสำหรับคนอิสลามนำศพไปป่าช้า ต่อมาเมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๒๔ จำเลยได้นำเจ้าพนักงานที่ดินไปทำการรังวัดที่พิพาทเพื่อออกโฉนด โจทก์คัดค้านเจ้าพนักงานที่ดินสั่งให้โจทก์ฟ้อง โจทก์จึงฟ้องคดีนี้ ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยสละสิทธิครอบครองที่พิพาท ที่พิพาทเป็นที่ดินที่นายบุญฉ้วน สามีจำเลย แจ้งการครอบครองตามแบบ ส.ค.๑ เมื่อนายบุญฉ้วนถึงแก่กรรม จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกได้ดำเนินการรังวัดเพื่อออกโฉนด โจทก์คัดค้านว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์เหตุที่จำเลยนำชี้ที่ดินไม่รวมที่พิพาทว่าเป็นของจำเลย เพราะจำเลยตั้งใจอุทิศที่พิพาทให้เป็นที่สาธารณะสำหรับคนอิสลามนำศพไปป่าช้าตามความประสงค์ของนายบุญฉ้วน ต่อมาทราบจากเทศบาลตำบลตะลุบันว่า คนอิสลามไม่ใช้ที่พิพาทนำศพไปป่าช้าอีกต่อไปแล้ว จำเลยจึงได้ดำเนินการรังวัดเพื่อออกโฉนดดังกล่าว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงเชื่อว่า นายบุญฉ้วนได้อุทิศที่พิพาททั้งแปลงให้เป็นที่สาธารณะสำหรับคนอิสลามนำศพไปป้าช้า ที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์และจำเลย เมื่อโจทก์ครอบครองที่พิพาทอยู่ โจทก์จึงมีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าจำเลย และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าที่โจทก์ขอให้ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาทนั้นเนื่องจากที่พิพาทตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๔ (๒) จึงไม่อาจห้ามมิให้เกี่ยวข้องเสียทั้งหมดได้ เพราะเป็นการขัดวัตถุประสงค์ของการใช้สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทนี้ จะห้ามได้เฉพาะกรณีที่เข้าไปเกี่ยวข้องโดยที่มิใช่เป็นไปเพื่อการใช้ที่ดินตามวัตถุประสงค์ของสาธารณสมบัติของที่ดินแปลงนี้เท่านั้น พิพากษากลับ ห้ามมิให้จำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่พิพาทเว้นแต่ที่เป็นการใช้ประโยชน์ในที่ดินตามวัตถุประสงค์ของสาธารณสมบัติของแผ่นดินแปลงพิพาท