คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6584/2553

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ค่าทนายความจะเป็นค่าฤชาธรรมเนียมตาม ป.วิ.พ. มาตรา 149 วรรคหนึ่ง และ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2522 มาตรา 18 วรรคสาม จะบัญญัติว่า ให้ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งชำระแทนฝ่ายผู้บริโภคที่ได้รับการยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงก็ตาม แต่คดีนี้พนักงานอัยการสำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะเจ้าหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคเป็นผู้ฟ้องคดีโดยมิได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะทนายความ คดีจึงไม่มีค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนค่าทนายความที่ศาลอุทธรณ์จะใช้ดุลพินิจกำหนดให้จำเลยชำระแทนโจทก์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนเงิน จำนวน 1,441,473.96 บาท แก่นายโสฬส พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 905,807 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ แก่นายทวีศักดิ์ จำนวน 1,080,298.66 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 673,112 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ แก่นางสาวอ้อย จำนวน 845,091.44 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 546,355 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จ แก่นายกำพล จำนวน 811,436.25 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 560,008 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่นางอารีรัตน์ จำนวน 918,716.78 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 580,008 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่นายดำรงค์ จำนวน 892,445.63 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีในต้นเงิน 580,008 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนเงินจำนวน 1,441,473.96 บาท แก่นายโสฬส พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 905,807 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ แก่นายทวีศักดิ์ จำนวน 1,080,298.66 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 673,112 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ แก่นางสาวอ้อย จำนวน 845,091.44 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 546,355 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่นายกำพล จำนวน 811,436.25 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 560,008 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ แก่นางอารีรัตน์ จำนวน 918,716.78 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 580,008 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่นายดำรงค์ จำนวน 892,445.63 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 580,008 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์เป็นเงิน 30,000 บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภควินิจฉัยว่า แม้ค่าทนายความจะเป็นค่าฤชาธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 วรรคหนึ่ง (มาตรา 161 วรรคสอง เดิม) และตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 มาตรา 18 วรรคสาม จะบัญญัติว่า ให้ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งชำระแทนฝ่ายผู้บริโภคที่ได้รับการยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงก็ตาม แต่คดีนี้พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะเจ้าหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคเป็นผู้ฟ้องคดี โดยมิได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะทนายความ คดีจึงไม่มีค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนค่าทนายความ ที่ศาลอุทธรณ์จะใช้ดุลพินิจกำหนดให้จำเลยชำระแทนโจทก์ที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้จำเลยต้องชำระค่าทนายความชั้นอุทธรณ์จำนวน 30,000 บาท มานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่ต้องชำระค่าทนายความชั้นอุทธรณ์จำนวน 30,000 บาท แก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share