คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6576/2551

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ป.อ. มาตรา 56 วรรคแรก บัญญัติว่า “ผู้ใดกระทำความผิดซึ่งมีโทษจำคุกและในคดีนั้นศาลจะลงโทษจำคุกไม่เกินสามปี ถ้าไม่ปรากฏว่าผู้นั้นได้รับโทษจำคุกมาก่อน… ศาลจะพิพากษาว่าผู้นั้นมีความผิดแต่รอการกำหนดโทษไว้… ก็ได้” ดังนั้น การที่ศาลจะรอการกำหนดโทษจำเลยได้นั้นต้องปรากฏว่าจำเลยกระทำความผิดซึ่งกฎหมายบัญญัติให้มีโทษจำคุก เมื่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ฯ มาตรา 28 (1) ซึ่งต้องระวางโทษตามมาตรา 69 วรรคหนึ่ง คือ ปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาทโดยไม่มีโทษจำคุก ดังนั้น การกระทำความผิดของจำเลยฐานละเมิดลิขสิทธิ์ในงานภาพยนตร์ของผู้เสียหายด้วยการทำซ้ำหรือดัดแปลงจึงเป็นความผิดที่ไม่อาจรอการกำหนดโทษตาม ป.อ. มาตรา 56 วรรคแรกได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า บริษัทพระนครฟิล์ม จำกัด ผู้เสียหาย เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานภาพยนตร์ เรื่อง “ชุมทางรถไฟผี” (TRAIN OF THE DEAD) ในฐานะเป็นผู้สร้างสรรค์ โดยเป็นผู้ทำหรือก่อให้เกิดงานสร้างสรรค์ประเภทภาพยนตร์แล้วบันทึกลงในแผ่นฟิล์มภาพยนตร์หรือสิ่งบันทึกเสียงและภาพอันสามารถนำมาฉายในโรงภาพยนตร์ซ้ำได้อีกโดยใช้เครื่องฉายภาพยนตร์ หรือเครื่องฉายอื่นใด จอภาพและอุปกรณ์ประกอบอื่นๆ หรือสิ่งอื่นที่คล้ายคลึงกันเป็นเครื่องมือช่วยดังกล่าว และได้มีการโฆษณางานเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2550 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยได้ละเมิดลิขสิทธิ์ในงานภาพยนตร์เรื่อง “ชุมทางรถไฟผี” ของผู้เสียหาย โดยนำกล้องวิดีโอสำหรับบันทึกภาพและเสียงมาบันทึกภาพและเสียงภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวซึ่งเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายอันเป็นการทำซ้ำ หรือดัดแปลงให้ปรากฏงานภาพยนตร์ดังกล่าวลงในกล้องวิดีโอสำหรับบันทึกภาพและเสียงของจำเลย ในส่วนอันเป็นสาระสำคัญโดยไม่มีลักษณะเป็นการจัดทำงานขึ้นใหม่ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน โดยสามารถนำงานที่ทำขึ้นมาฉายซ้ำได้อีก หรือถ่ายลงแผ่นวีซีดีได้อย่างไม่จำกัด อันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหาย เจ้าพนักงานจับจำเลยพร้อมยึดได้กล้องวิดีโอสำหรับบันทึกภาพและเสียงที่จำเลยได้ใช้บันทึกภาพยนตร์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายจำนวน 1 กล้อง อันเป็นทรัพย์ที่จำเลยได้ใช้และมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 4, 6, 7, 8, 15, 27, 28, 69 วรรคหนึ่ง, 75 และ 76 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 และ 33 ริบกล้องวิดีโอสำหรับบันทึกภาพและเสียงของกลาง และสั่งจ่ายเงินค่าปรับในความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ กึ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 28 (1), 69 วรรคหนึ่ง เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เห็นสมควรให้รอการกำหนดโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ริบของกลาง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า สมควรพิพากษาลงโทษจำเลยไปโดยไม่รอการกำหนดโทษหรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 วรรคแรก บัญญัติว่า “ผู้ใดกระทำความผิดซึ่งมีโทษจำคุก และในคดีนั้นศาลจะลงโทษจำคุกไม่เกินสามปี ถ้าไม่ปรากฏว่าผู้นั้นได้รับโทษจำคุกมาก่อน… ศาลจะพิพากษาว่าผู้นั้นมีความผิดแต่รอการกำหนดโทษไว้…ก็ได้” ดังนั้น การที่ศาลจะรอการกำหนดโทษจำเลยได้นั้น ต้องปรากฏว่าจำเลยกระทำความผิดซึ่งกฎหมายบัญญัติให้มีโทษจำคุก เมื่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 28 (1) ซึ่งต้องระวางโทษตามมาตรา 69 วรรคหนึ่ง คือ ปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาทโดยไม่มีโทษจำคุก ดังนั้น การกระทำความผิดของจำเลยฐานละเมิดลิขสิทธิ์ในงานภาพยนตร์ของผู้เสียหายด้วยการทำซ้ำหรือดัดแปลงจึงเป็นความผิดที่ไม่อาจรอการกำหนดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 วรรคแรก ได้ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางรอการกำหนดโทษให้จำเลยไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยฐานละเมิดลิขสิทธิ์ในงานภาพยนตร์ของผู้อื่นด้วยการทำซ้ำหรือดัดแปลง ปรับ 20,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับ 10,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้ดำเนินการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 และจ่ายค่าปรับที่ได้ชำระตามคำพิพากษาแก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์จำนวนกึ่งหนึ่ง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง

Share