แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เดิมเจ้ามรดกยกที่ดินโฉนดเลขที่ 694 ให้โจทก์ทั้งสี่ซึ่งเป็นบุตรต่อมาเจ้ามรดกฟ้องโจทก์ทั้งสี่ขอถอนคืนการให้ แต่ตกลงประนีประนอมยอมความกันโดยโจทก์ทั้งสี่แบ่งที่ดินบางส่วนซึ่งเป็นที่ดินพิพาทให้แก่เจ้ามรดก ต่อมาเจ้ามรดกถึงแก่กรรมลงจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลติดต่อกับเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อดำเนินการแบ่งแยกที่ดินพิพาทตามที่เจ้ามรดกได้ดำเนินการค้างไว้ดังนี้ การที่โจทก์ทั้งสี่ได้ยื่นคำขอยกเลิกคำขอแบ่งแยกที่ดินพิพาทของเจ้ามรดกไม่มีผลเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นมรดกการกระทำดังกล่าวหาใช่การยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดกโดยฉ้อฉลไม่ ส่วนที่จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกขอเข้ารับมรดกความและบังคับคดีจนมีการเปลี่ยนชื่อในโฉนดที่ดินพิพาทเป็นชื่อจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกเช่นนี้ แม้โจทก์ทั้งสี่จะเคยคัดค้านต่อศาลในชั้นบังคับคดีโดยอ้างว่าจำเลยขอบังคับคดีเกินกำหนดอายุความแล้วก็เป็นการที่โจทก์ทั้งสี่ใช้สิทธิทางศาลตามที่ตนเป็นทายาทโดยชอบหาใช่ยักยอกหรือปิดบังทรัพย์มรดกโดยฉ้อฉลไม่ จำเลยฎีกาว่า คดีโจทก์ขาดอายุความมรดก แต่จำเลยไม่ได้อุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้ไว้ ฎีกาจำเลยจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสี่กับจำเลยเป็นพี่น้องร่วมบิดาเดียวกันและเป็นทายาทมีสิทธิรับมรดกของสิบโทล้วน รักสอาด บิดาซึ่งถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2519 โดยไม่ได้ทำพินัยกรรมหรือตั้งผู้จัดการมรดกไว้ เจ้ามรดกมีทรัพย์สินคือที่ดินโฉนดเลขที่ 694เพียงบางส่วน คิดเป็นเนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน ราคาประมาณ 35,000 บาทซึ่งจะต้องตกแก่ทายาท 7 คน โดยตกเป็นของโจทก์ทั้งสี่ 4 ใน 7 ส่วนต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2527 ศาลมีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของสิบโทล้วนหลังจากนั้นจำเลยได้นำโฉนดที่ดินไปยื่นต่อเจ้าพนักงานที่ดินให้ลงชื่อจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกที่ดินเฉพาะส่วนของสิบโทล้วน เจ้าพนักงานที่ดินได้ลงชื่อจำเลยในโฉนดที่ดินแล้วจำเลยได้บอกขายที่ดิน โจทก์ทั้งสี่ติดต่อขอให้จำเลยแบ่งทรัพย์มรดกดังกล่าว แต่จำเลยไม่ดำเนินการให้ ขอให้บังคับจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของสิบโทล้วนและในฐานะส่วนตัวแบ่งที่ดินโฉนดทางด้านทิศใต้ เนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน ให้โจทก์ทั้งสี่คนละ 1 ใน 7ส่วน ถ้าการแบ่งไม่ตกลงกัน ขอให้ศาลพิพากษายึดที่ดินทรัพย์มรดกดังกล่าวขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันตามส่วนต่อไป
จำเลยให้การว่า ทรัพย์มรดกดังกล่าวจะต้องนำมาแบ่งให้แก่นางละมูลหรือเกลื่อน รักสอาด ภรรยาของสิบโทล้วน รักสอาดเจ้ามรดก ซึ่งยังมีชีวิตอยู่ ขณะเจ้ามรดกถึงแก่กรรมก่อนกึ่งหนึ่งฐานเป็นสินสมรส ส่วนที่เหลืออีกกึ่งหนึ่งเป็นทรัพย์มรดกซึ่งทายาทมีสิทธิได้รับส่วนแบ่ง 8 คน คนละ 1 ส่วน แต่ทรัพย์มรดกที่ทายาทแต่ละคนจะได้รับนั้น ต้องนำไปชำระค่าใช้จ่ายในการจัดการฌาปนกิจศพ และค่าทำบุญก่อน เมื่อหักแล้วคงเหลือเงินที่ทายาทจะได้รับคนละ 715บาท แต่หลังจากเจ้ามรดกถึงแก่กรรมโจทก์ทั้งสี่ได้ยักยอกหรือปิดบังทรัพย์มรดกมากกว่าที่โจทก์ทั้งสี่จะได้รับโดยฉ้อฉล เป็นเหตุให้จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกต้องเสียเงินกองมรดกว่าจ้างทนายความ ทำให้ทายาทคนอื่นและจำเลยได้รับความเสียหาย โจทก์ทั้งสี่จึงต้องถูกกำจัดมิให้ได้รับมรดก ฟ้องโจทก์ขาดอายุความเนื่องจากมิได้ฟ้องภายใน1 ปี นับแต่เจ้ามรดกตายขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยแบ่งที่ดินโฉนดเลขที่ 694เนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน ให้นางละมูล รักสอาด กึ่งหนึ่งก่อนส่วนที่เหลืออีกกึ่งหนึ่งตกเป็นทรัพย์มรดก แต่เนื่องจากต้องนำทรัพย์มรดกชำระหนี้ค่าใช้จ่ายงานศพแก่จำเลย จึงให้นำที่ดินทรัพย์มรดกจำนวนกึ่งหนึ่งของที่ดินแปลงดังกล่าวออกขายทอดตลาดนำเงินที่ได้หักเป็นค่าจัดการงานศพจำนวน 6,683 บาทชำระให้แก่จำเลย ส่วนที่เหลือให้แบ่งแก่โจทก์คนละหนึ่งในแปดส่วน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่โจทก์ทั้งสี่ยื่นคำขอยกเลิกคำขอแบ่งแยกที่ดินพิพาทของเจ้ามรดกตามบันทึกถ้อยคำเอกสารหมาย ล.2นั้น จำเลยและทายาททุกคนทราบดีว่าที่ดินพิพาทเป็นของเจ้ามรดกตามคำพิพากษา ต่อมาเจ้ามรดกถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2518 ไม่มีทายาทเข้าดำเนินการ การที่โจทก์ทั้งสี่ได้ยื่นคำขอยกเลิกคำขอแบ่งแยกที่ดินพิพาทของเจ้ามรดกตามเอกสารหมาย ล.2 ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นมรดก การกระทำดังกล่าวหาใช่การยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดกโดยฉ้อฉลไม่ เมื่อจำเลยร้องขอเข้าเป็นผู้จัดการมรดกและศาลมีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับที่ดินพิพาทของเจ้ามรดก จำเลยขอเข้ารับมรดกความและบังคับคดีจนมีการเปลี่ยนชื่อในโฉนดที่ดินพิพาทเป็นชื่อจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกเช่นนี้ แม้โจทก์ทั้งสี่จะเคยคัดค้านต่อศาลในชั้นบังคับคดีอ้างว่าจำเลยขอบังคับคดีเกินกำหนดอายุความแล้วก็เป็นการที่โจทก์ทั้งสี่ใช้สิทธิทางศาลตามที่ตนเป็นทายาทโดยชอบหาใช่ยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดกโดยฉ้อฉลไม่เช่นเดียวกัน ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า คดีโจทก์ขาดอายุความมรดกนั้น จำเลยไม่ได้อุทธรณ์ในปัญหานี้ไว้ ฎีกาจำเลยจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน