คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 657/2521

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์จอดรถยนต์ที่สถานบริการน้ำมันของจำเลย มอบกุญแจรถแก่คนของจำเลยโดยมีป้ายและใบเสร็จรับเงินข้อความว่าเช่าสถานที่ไม่รับผิดในทรัพย์สูญหาย เจตนาของคู่กรณีไม่ใช่เรื่องฝากทรัพย์กุญแจที่มอบเพื่อเคลื่อนย้ายรถไม่ใช่มอบให้ครอบครอง

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า รถยนต์ของโจทก์หายไปจากที่จอดรถภายในปั๊มน้ำมันของจำเลย ตามประเด็นเรื่องฝากทรัพย์มีปัญหาพิจารณาในเบื้องต้นว่าเมื่อโจทก์นำรถเข้ามาจอดในสถานที่จอดรถภายในปั๊มน้ำมันจำเลยนั้น โจทก์ได้รับทราบข้อตกลงจากจำเลยว่าเป็นการเช่าสถานที่ไว้จอดรถ และเรื่องที่จำเลยไม่รับผิดในความเสียหาย สูญหายของทรัพย์สินในที่เช่าดังที่จำเลยกล่าวอ้างหรือไม่ พิเคราะห์แล้วในเรื่องฝากรถไว้กับจำเลย คงมีแต่ตัวโจทก์ปากเดียวเบิกความลอย ๆ ว่าได้นำรถมาฝากไว้กับจำเลย เมื่อรถหายไปจำเลยต้องรับผิด แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากพฤติการณ์ของโจทก์เองเช่น โจทก์นำรถมาจอดในปั๊มน้ำมันเป็นเวลาหลายเดือนก่อนรถหาย โจทก์ได้เห็นมีป้ายขนาดใหญ่ตามภาพถ่ายที่จำเลยอ้างประกอบแสดงไว้ในปั๊ม โจทก์ได้รับใบเสร็จรับเงินจากจำเลยตามที่อ้างประกอบ และโจทก์ยังได้ลงชื่อไว้ในใบเสร็จรับเงินหมาย ล.5 ซึ่งเป็นคู่ฉบับกับใบเสร็จหมาย จ.8 ประจำเดือนสิงหาคม 2517 ในใบเสร็จดังกล่าวมีข้อความแสดงไว้ชัดแจ้งว่าเป็นเรื่องเช่าสถานที่จอดรถ และไม่รับผิดในทรัพย์สินสูญหายเสียหายของจำเลย จึงเชื่อตามที่จำเลยนำสืบว่า เมื่อโจทก์นำรถเข้ามาจอดในปั๊มน้ำมันจำเลยนั้น โจทก์ได้รับทราบเงื่อนไขและได้ตกลงกันให้เป็นการเช่าสถานที่ตามที่จำเลยได้แบ่งเป็นช่อง ๆ ไว้ ไม่ใช่เป็นการรับฝากรถ และจำเลยไม่รับผิดในการเสียหาสูญหายของทรัพย์สินในสถานที่เช่า เมื่อเจตนาของคู่กรณีประสงค์ให้เป็นเรื่องเช่าดังกล่าว จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่ารถและค่าเสียหายตามฟ้อง เพราะรถยนต์หายไปไม่ได้เกิดจากความผิดของฝ่ายจำเลยที่โจทก์อ้างอีกประการหนึ่งว่าโจทก์ได้มอบลูกกุญแจรถดอกหนึ่งให้เจ้าหน้าที่ประจำปั๊มน้ำมันจำเลยเก็บรักษาไว้จึงถือว่าเป็นการมอบรถให้อยู่ในความดูแลรักษาของจำเลยนั้น ก็ได้ความจากคำเบิกความของโจทก์เองว่า โจทก์เป็นผู้ปิดประตูรถใส่กุญแจและเก็บรักษากุญแจรถอีกดอกหนึ่งไว้ การกลับมาเอารถไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ขอกุญแจจากเจ้าหน้าที่คืนหรือได้รับความยินยอมจากเจ้าหน้าที่ก่อน แสดงว่ารถยังอยู่ในความครอบครองของโจทก์ ฉะนั้นการส่งมอบกุญแจรถให้แก่เจ้าหน้าที่ของจำเลย น่าเชื่อว่าเพื่อใช้เคลื่อนย้ายหรือล้างรถเป็นครั้งคราว ยังไม่ถือว่าเป็นการมอบรถให้อยู่ในความดูแลรักษาของจำเลยซึ่งจะถือว่าเป็นการรับฝากทรัพย์ คำพิพากษาฎีกาที่โจทก์หยิบยกอ้างไว้ในฎีกาว่าเป็นการรักฝากทรัพย์นั้น เห็นว่าข้อเท็จจริงในคดีนั้นไม่ตรงกับกรณีเรื่องนี้ เมื่อฟังว่าไม่ได้มีการรับฝากทรัพย์ ประเด็นเกี่ยวกับค่าเสียหายก็ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย”

พิพากษายืน

Share