แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ร่วมมือกับพวกกระทำความผิดเมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยได้ร่วมกันกับพวกกระทำความผิดตามฟ้องแม้จำเลยมิได้ลงมือกระทำการปล้น จำเลยเพียงรับหน้าที่คอยแจ้งสัญญานอันตรายให้พวกทราบซึ่งเป็นการกระทำส่วนหนึ่งเพื่อให้การปล้นบรรลุผลสำเร็จเช่นนี้เรียกได้ว่าจำเลยเป็นตัวการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 แล้ว ข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาจึงไม่ต่างกับฟ้องและการกระทำดังกล่าวของจำเลยมิใช่มีผิดเพียงฐานสมรู้ เพราะจำเลยมิใช่เพียงแต่ให้ความช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่การกระทำความผิดเท่านั้นแต่ได้ร่วมกับพวกวางแผนกระทำการปล้นและร่วมในการปล้นมาแต่ต้นโดยตลอด
ถึงแม้ในการปล้น จำเลยได้ร่วมรู้ถึงการที่พวกของจำเลยได้เตรียมอาวุธปืนมาด้วยก็ดี แต่การเตรียมอาวุธปืนมาอาจเพียงเพื่อสำหรับใช้ในการปล้นจำเลยอาจไม่ทราบถึงเจตนาของพวกตนที่ถึงกับจะใช้ปืนยิงเจ้าพนักงานด้วยก็ได้ทั้งขณะที่คนร้ายยิงเจ้าพนักงาน จำเลยก็ได้ถูกเจ้าพนักงานคุมตัวไว้ก่อนแล้วเช่นนี้จำเลยยังไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน คงมีความผิดฐานปล้นเท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่ถูกตำรวจยิงตายไปแล้ว 2 คน กับพวกที่หลบหนีอีก 1 คน สมคบกันปล้นเอาเงิน 100 บาทของนายสง่านิลวรางกูลไป และจำเลยกับพวกใช้ปืนยิงพลตำรวจพรตเจ้าพนักงานผู้เข้าทำการจับกุมตามหน้าที่เป็นบาดแผลสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83, 289, 297, 298, 340
จำเลยรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ประกอบแล้วฟังว่าจำเลยมีความผิดฐานเป็นตัวการปล้นทรัพย์และพยายามฆ่าเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83, 289, 297, 298, 340 ให้ลงโทษตาม มาตรา 340 วรรค 4 ซึ่งเป็นบทหนักตาม มาตรา 90 ลดเพราะรับสารภาพกึ่งหนึ่งตาม มาตรา 78 แล้วให้จำคุกจำเลย 10 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว การที่จำเลยฎีกาคัดค้านว่าจำเลยเพียงแต่นั่งเฝ้ารถมิได้ลงมือกระทำการปล้นดังโจทก์ฟ้อง ต้องยกฟ้องนั้นศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยร่วมมือกับพวกกระทำความผิดเมื่อทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยได้ร่วมกันกับพวกมากระทำความผิดตามฟ้อง แม้จำเลยมิได้ลงมือกระทำการปล้นเพียงรับหน้าที่คอยแจ้งสัญญาณอันตรายให้พวกทราบ ซึ่งเป็นการกระทำส่วนหนึ่งเพื่อให้การปล้นบรรลุผลสำเร็จก็เรียกได้ว่าจำเลยได้เป็นตัวการกระทำความผิดตามฟ้อง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 แล้ว ฎีกาจำเลยที่อ้างว่าจำเลยควรมีความผิดเพียงฐานสมรู้นั้น ฟังไม่ขึ้น เพราะการกระทำของจำเลยมิใช่เพียงให้ความช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่การกระทำผิดเท่านั้นแต่ได้ร่วมกับพวกวางแผนกระทำการปล้นและร่วมในการปล้นทรัพย์รายนี้มาแต่ต้นโดยตลอด
ส่วนข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงานนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าออกจะไกลเกินไป เพราะถึงแม้ในการปล้นทรัพย์นี้ จำเลยได้ร่วมรู้ถึงการที่พวกของจำเลยได้เตรียมอาวุธปืนมาด้วยก็ดี แต่การเตรียมอาวุธปืนมาอาจเพียงเพื่อสำหรับใช้ในการปล้นทรัพย์ จำเลยอาจไม่ทราบถึงเจตนาของพวกตนที่ถึงกับจะใช้ปืนยิงเจ้าพนักงานด้วยก็ได้ ทั้งขณะที่คนร้ายยิงเจ้าพนักงาน จำเลยก็ได้ถูกเจ้าพนักงานควบคุมตัวไว้ก่อนแล้วจำเลยยังไม่ควรมีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน
พิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์เพียงว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรค 4 ประกอบด้วย มาตรา 83 เพียงบทเดียว