คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 656/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำให้การในชั้นสอบสวนเป็นพยานบอกเล่า จะรับฟังได้แต่เพียงเป็นพยานประกอบคำเบิกความของพยานในชั้นศาล เมื่อตามคำเบิกความของพยานโจทก์ในชั้นศาลไม่มีผู้ใดรู้เห็นว่าจำเลยกระทำความผิด โจทก์คงมีแต่คำให้การในชั้นสอบสวนเป็นพยานจึงไม่พอฟังลงโทษจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้ปืนยิงนายรอด เนตรผาบ ๑ นัด โดยเจตนาฆ่า เป็นเหตุให้นายรอดถึงแก่ความตาย ขอให้ลง
โทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ และริบปลอกกระสุนปืนของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ จำคุก ๒๐ ปี ริบปลอกกระสุนปืนของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในชั้นพิจารณาของศาล โจทก์มีนายเขื่อน เนตรผาบ บิดาของผู้ตาย นายลา สุภาพ และร้อยตำรวจเอกสำอางค์ วงศ์กล้าหาญ พนักงานสอบสวนมาเป็นพยานต่อศาล ตามคำเบิกความของพยานโจทก์ทั้งสามคนนี้ไม่มีพยานคนใดรู้เห็นเหตุการณ์ที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายแต่ประการใด ทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์มีพยานหลักฐานอันใดที่แสดงว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง โจทก์คงมีคำให้การของพยานในชั้นสอบสวน คือนายลา สุภาพ และพยานอื่นอีกสามคนมาประกอบการพิจารณาเท่านั้น ศาลฎีกาเห็นว่า คำให้การในชั้นสอบสวนเป็นพยานบอกเล่าจะรับฟังได้แต่เพียงเป็นพยานประกอบคำเบิกความของพยานในชั้นศาล เมื่อคำเบิกความของพยานโจทก์ในชั้นศาลไม่มีผู้ใดรู้เห็นว่าจำเลยกระทำผิด โจทก์คงมีแต่คำให้การในชั้นสอบสวนเป็นพยาน ฉะนั้น พยานหลักฐานของโจทก์จึงไม่พอฟังลงโทษจำเลยได้ ไม่จำต้องวินิจฉัยคำพยานจำเลยต่อไป ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยต้องกันให้ลงโทษจำเลยมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องของโจทก์เสีย ปลอกกระสุนปืนของกลางคงให้ริบ

Share