คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 656/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยต้องการให้อธิบดีกรมอัยการลงลายมือชื่อรับรองฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความมาตรา 221 จำเลยก็ควรขอร้องไปยังอธิบดีกรมอัยการโดยตนเอง ศาลไม่มีหน้าที่ส่งฎีกาของจำเลยไปให้รับรอง

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๗ ให้จำคุกจำเลยคนละ ๓ ปี เพิ่มโทษจำเลยที่ ๒ อีก ๑ ใน ๓ เป็นจำคุก ๔ ปี
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่าฎีกาของจำเลยต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ ไม่รับฎีกา
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นส่งฎีกาไปให้อธิบดีกรมอัยการตรวจรับรองให้ฎีกาต่อไป ศาลชั้นต้นสั่งว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการยื่นฎีกา ถึงแม้ศาลจะปฏิบัติตามคำร้องของจำเลย ก็ไม่มีทางที่อธิบดีกรมอัยการจะรับรองฎีกาของจำเลยได้ทัน จึงให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การที่จำเลยจะขอให้อธิบดีกรมอัยการรับรองนั้น เป็นหน้าที่ของจำเลยจะต้องดำเนินการเอง ศาลชั้นต้นไม่มีหน้าที่จัดส่งคำร้องให้พิพากษายืนในผล
จำเลยฎีกาว่า จำเลยมีสิทธิขอให้ศาลชั้นต้นส่งฎีกาตรงไปยังอธิบดีกรมอัยการเพื่อรับรองได้ ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยฎีกาไม่เข้ามาตรา ๒๑๗ ถึง ๒๒๑ ไม่รับฎีกา
จำเลยยื่นฎีกาอุทธรณ์คำสั่ง ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยฎีกาได้ ให้รับฎีกา ศาลชั้นต้นจึงสั่งรับและส่งสำนวนมายังศาลฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ในคดีซึ่งต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘, ๒๑๙, ๒๒๐ นั้น เมื่อจำเลยยื่นฎีกา ตามบทบัญญัติแห่งมาตรา ๒๒๑ มิได้บัญญัติให้ศาลชั้นต้นมีหน้าที่ต้องส่งฎีกาของจำเลยไปให้อธิบดีกรมอัยการรับรอง การรับรองฎีกาย่อมเป็นประโยชน์แก่จำเลยเอง จำเลยก็น่าจะขวนขวายขอร้องไปยังอธิบดีกรมอัยการโดยตนเอง
พิพากษายืน

Share