คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 656/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินและบ้านเรือนกัน ผู้ขายมอบที่ดินและบ้านเรือนให้ผู้ซื้อครอบครองไปพลางก่อน จนกว่าจะได้ไปโอนกันภายหลังนั้น ผู้ซื้อยังไม่มีสิทธิในทรัพย์ที่จะซื้อขายกันนั้น ผู้ซื้อเพียงมีสิทธิตามสัญญาจะซื้อขาย อันเป็นสิทธิเหนือบุคคลผู้เป็นคู่สัญญาและทายาทของเขา ฉะนั้นเมื่อมีคนเข้ามารื้อเรือนเอาไป และร้องขอให้อำเภอขายที่ดินนั้นโดยอ้างว่า เขาเป็นทายาทผู้รับมรดกของเจ้าของที่ดินนั้น ผู้ซื้อจึงยังไม่มีอำนาจที่จะฟ้องให้เขาคืนทรัพย์หรือ ห้ามมิให้เขาเกี่ยวข้องกับทรัพย์รายพิพาทนั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นางชิดได้ขายเรือนและยุ้งข้าวพร้อมทั้งที่ดินให้โจทก์เป็นเงิน ๑๕๐๐ บาท โจทก์วางมัดจำไว้ ๒๐๐ บาท นางชิดได้มอบทรัพย์ให้โจทก์ครอบครองตั้งแต่วันนั้นโดยสัญญาว่าจะโอนให้ในภายหลัง ต่อมานางชิดตาย นางถมพี่ นางชิด ได้มาขอรับเงินไปใช้จ่ายในการศพอีก ๓๐๐ บาท ในคราวเกิดเหตุนี้โจทก์ไม่อยู่บ้าน จำเลยบังอาจมารื้อเรือน และขอให้อำเภอประกาศขายที่ดินรายนี้ โจทก์ห้ามไม่ฟัง โดยอ้างว่า เป็นมรดกนายดีสามีนางชิด ความจริงนายดีตาย เสียก่อนนางชิด ๓ ปีแล้ว ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยคืนเรือนหรือใช้ราคา ๔๐๐ บาท กับห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับทรัพย์ ตามบัญชีท้ายฟ้อง
จำเลยต่อสู้ว่า เป็นทรัพย์ของนายดี จำเลยเป็นทายาท นางชิดไม่มีสิทธิขาย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองกึ่งหนึ่งของทรัพย์พิพาท อีกกึ่งหนึ่งให้คืนแก่จำเลย ซึ่งเป็นทายาทนายดีไป
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญาซื้อขายทรัพย์รายพิพาทนี้ และตามพฤติการณ์นี้ปฏิบัติต่อกัน เป็นเพียงสัญญาจะซื้อขาย นางชิดมอบให้โจทก์ยึดถือทรัพย์รายพิพาท โจทก์เป็นเพียงมีสิทธิตามสัญญาจะซื้อขายอันเป็นสิทธิเหนือบุคคลผู้เป็นคู่สัญญาและทายาทของเขา เมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิในทรัพย์รายพิพาท โจทก์ย่อมฟ้องจำเลยให้คืนทรัพย์หรือฟ้องห้ามมิให้จำเลยเข้าเกี่ยวข้องกับทรัพย์รายพิพาทหาได้ไม่
พิพากษายืน

Share