คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6557/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเห็นเหตุการณ์ที่คนร้ายผู้ลักรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายนำรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายเข้ามาในบ้านของจำเลยและถอดชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายในยามวิกาล ซึ่งเป็นเรื่องที่คนร้ายเคยกระทำมาแล้วและจำเลยก็รับรู้โดยถือเป็นเรื่องปกติ ทั้งที่ความจริงการซ่อมรถ การถอดชิ้นส่วนรถควรจะกระทำในเวลากลางวันอันเป็นเวลาทำการงานของคนทั่วไป การดำเนินการถอดชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ในเวลากลางคืนย่อมส่อแสดงถึงความผิดปกติ เมื่อถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุม จำเลยก็นำเจ้าพนักงานตำรวจไปชี้จุดที่นำชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ไปทิ้งได้ถูกต้อง แสดงว่าจำเลยน่าจะมีส่วนร่วมหรือรู้เห็นในการนำชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปทิ้ง สำหรับชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดได้จากบ้านของจำเลยวางอยู่ด้านหน้าของบ้านลักษณะเป็นห้องรับแขก บางส่วนอยู่ในกล่องไม่มีอะไรปิดบัง แม้จะเป็นการวางไว้อย่างเปิดเผยและบ้านของจำเลยยังไม่มีประตูรั้วกับประตูบ้านทั้งยังสร้างไม่เสร็จ แต่โดยสภาพของบ้านที่พักอาศัยย่อมถือเป็นที่รโหฐาน บุคคลภายนอกไม่มีสิทธิเข้าไปโดยมิได้รับอนุญาต การเก็บชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ไว้ในบ้านของจำเลยในลักษณะดังกล่าว ไม่พอให้รับฟังได้ว่าเป็นการกระทำโดยเปิดเผยและโดยสุจริตของจำเลยซึ่งเป็นผู้ครอบครองบ้าน น่าเชื่อว่าจำเลยรู้ว่ารถจักรยานยนต์ที่นำไปถอดชิ้นส่วนที่บ้านของจำเลยเป็นรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ การกระทำของจำเลยเป็นการช่วยซ่อนเร้น หรือรับไว้ด้วยประการใด ๆ ซึ่งชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักมา โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยย่อมมีความผิดฐานรับของโจร

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 83, 335, 357 และให้จำเลยคืนรถจักรยานยนต์หรือชดใช้ราคา 78,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 357 วรรคแรก ลงโทษจำคุก 4 ปี คืนชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ของกลางแก่ผู้เสียหาย คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยรู้หรือไม่ว่ารถจักรยานยนต์ที่นำไปถอดชิ้นส่วนที่บ้านของจำเลยเป็นรถจักรยานยนต์ที่นายฉัตรชัยได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ คดีนี้เจ้าพนักงานตำรวจยึดชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายที่ 1 ที่นายฉัตรชัยลักมาบางส่วนอยู่ในบ้านของจำเลย และบางส่วนถูกทิ้งลงไปในคูน้ำห่างจากบ้านของจำเลยประมาณ 1 กิโลเมตร จำเลยปฏิเสธว่า จำเลยไม่ทราบว่ารถจักรยานยนต์ดังกล่าวเป็นของผู้เสียหายที่ 1 ที่ถูกนายฉัตรชัยลักมา แต่จำเลยก็เบิกความรับว่าวันเกิดเหตุจำเลยออกไปเล่นสนุกเกอร์กลับเข้าบ้านเวลา 5 นาฬิกา พบนายฉัตรชัยกำลังนั่งถอดชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์อยู่ จำเลยไม่ได้ถามนายฉัตรชัย เพราะนายฉัตรชัยกระทำเป็นปกติ แสดงว่าการนำรถจักรยานยนต์เข้ามาในบ้านของจำเลย และกระทำการถอดชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ในเวลาที่ยังไม่สว่าง เป็นเรื่องที่นายฉัตรชัยเคยกระทำมาแล้ว และจำเลยก็รับรู้โดยถือเป็นเรื่องปกติ ทั้งที่ความจริงการซ่อมรถก็ดี การถอดชิ้นส่วนรถก็ดี ควรจะกระทำในเวลากลางวันซึ่งเป็นเวลาทำการงานของคนทั่วไป การดำเนินการถอดชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ในเวลากลางคืนย่อมส่อแสดงถึงความผิดปกติ เจือสมกับคำเบิกความของจ่าสิบตำรวจเกียรติศักดิ์พยานโจทก์ที่เบิกความว่า เมื่อประมาณเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน 2543 มีพลเมืองดีโทรศัพท์ไปแจ้งเจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธินว่าที่บ้านของจำเลยมีการถอดและประกอบอุปกรณ์รถจักรยานยนต์ จ่าสิบตำรวจเกียรติศักดิ์ไปสืบดูแล้วไม่พบเหตุการณ์ผิดปกติ ต่อมาก่อนหน้าวันเกิดเหตุ 2 ถึง 3 วัน พลเมืองดีคนเดิมก็โทรศัพท์ไปแจ้งอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้จ่าสิบตำรวจเกียรติศักดิ์กับพวกไปตรวจค้นพบชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายที่ 1 ในบ้านจำเลย แสดงว่าพลเมืองดีคนดังกล่าวรู้ถึงความผิดปกติในการกระทำที่บ้านจำเลย จึงต้องโทรศัพท์แจ้งเจ้าพนักงานตำรวจ ส่วนการที่เจ้าพนักงานตำรวจค้นไม่พบชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์คันอื่น ก็ไม่อาจสรุปว่าไม่เคยมีการถอดชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ในบ้านของจำเลยมาก่อนเพราะชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์คันก่อนอาจนำไปขาย และทิ้งทำลายจนไม่มีหลักฐานหลงเหลืออยู่ก็เป็นได้ ที่จำเลยเบิกความว่าได้สอบถามนายฉัตรชัยในภายหลัง นายฉัตรชัยตอบว่าต้องการหลบบริษัทไฟแนนซ์ และนายฉัตรชัยนำชิ้นส่วนไปทิ้งบ่อน้ำในซอยแยก 3 ซึ่งจำเลยไม่สนใจทั้งไม่ได้ไปกับนายฉัตรชัยนั้น กลับปรากฏว่าเมื่อถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุม จำเลยนำเจ้าพนักงานตำรวจไปชี้จุดที่นำชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ไปทิ้งได้ถูกต้องว่าจุดที่นำชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ของกลางไปทิ้งเป็นคลองระบายน้ำที่มีความยาวผ่านที่ดินหลายท้องที่ ไม่ใช่บ่อน้ำเช่นที่จำเลยกล่าวอ้าง ลำพังแต่เพียงนายฉัตรชัยบอกจำเลยว่านำชิ้นส่วนไปทิ้งที่บ่อน้ำ จำเลยไม่น่าจะชี้จุดที่นายฉัตรชัยนำชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ไปทิ้งได้ถูกต้อง ถ้าจำเลยไม่ได้ไปด้วย คำเบิกความจำเลยจึงขัดต่อเหตุผลและมีพิรุธ การที่จำเลยสามารถชี้จุดในคลองระบายน้ำให้เจ้าพนักงานตำรวจงมพบชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายที่ 1 จึงมีเหตุผลที่เป็นไปได้ว่าจำเลยน่าจะมีส่วนร่วมหรือรู้เห็นในการนำชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายที่ 1 ไปทิ้งในคลองระบายน้ำดังกล่าวด้วย สำหรับชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดได้จากบ้านจำเลยวางอยู่ด้านหน้าของบ้านลักษณะเป็นห้องรับแขก บางส่วนอยู่ในกล่องไม่มีอะไรปิดบัง แม้จะเป็นการวางไว้อย่างเปิดเผยและบ้านของจำเลยยังไม่มีประตูรั้วกับประตูบ้านทั้งยังสร้างไม่เสร็จ แต่โดยสภาพของบ้านที่พักอาศัยย่อมถือเป็นที่รโหฐาน บุคคลภายนอกย่อมไม่มีสิทธิจะเข้าไปโดยมิได้รับอนุญาต การเก็บชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ไว้ในบ้านของจำเลยในลักษณะดังกล่าว จึงไม่พอให้รับฟังได้ว่า เป็นการกระทำโดยเปิดเผยและโดยสุจริตของจำเลยซึ่งเป็นผู้ครอบครองบ้าน พยานหลักฐานของจำเลยขัดต่อเหตุผลและพิรุธไม่มีน้ำหนักให้รับฟังหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยรู้ว่ารถจักรยานยนต์ที่นำไปถอดชิ้นส่วนที่บ้านของจำเลยเป็นรถจักรยานยนต์ที่นายฉัตรชัยได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ การกระทำของจำเลยเป็นการช่วยซ่อนเร้นหรือรับไว้ด้วยประการใด ๆ ซึ่งชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายที่ 1 ที่ถูกนายฉัตรชัยลักมา โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดเข้าลักษณะลักทรัพย์ จำเลยย่อมมีความผิดฐานรับของโจร ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหานี้ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share