แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและร่วมกันจำหน่าย เมทแอมเฟตามีน จำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสี่คนละตลอดชีวิต จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบา นอกจากวินิจฉัยปัญหาที่จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์แล้วศาลอุทธรณ์ภาค 9 ยังวินิจฉัยในปัญหาว่า จำเลยทั้งสี่กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่อีกครั้งหนึ่งตาม ป.วิ.อ. มาตรา 245 วรรคสอง แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาแก้เฉพาะโทษเป็นลงโทษจำเลยทั้งสี่กระทงละ 25 ปี รวม 2 กระทง จำคุกคนละ 50 ปี ก็มิใช่การพิพากษายืน คดีนี้จึงยังไม่ถึงที่สุด จำเลยทั้งสี่มีสิทธิฎีกาได้ แต่ก็ต้องฎีกาในปัญหาว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบประกอบคำรับสารภาพของจำเลยทั้งสี่ไม่อาจรับฟังลงโทษจำเลยทั้งสี่ได้ และปัญหาเรื่องขอให้ลงโทษสถานเบาซึ่งได้ว่ากล่าวกันมาโดยชอบในศาลล่างทั้งสอง จะฎีกาโต้เถียงเป็นอย่างอื่นมิได้ จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 จะฎีกาว่า จำเลยที่ 2 ไม่ได้ร่วมกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยที่ 3 ไม่ได้ร่วมกับพวกกระทำความผิด เกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ และจำเลยที่ 4 ไม่ได้ร่วมกับพวกกระทำความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนหาได้ไม่ เพราะเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นจากที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 รับสารภาพถือว่าเป็นการฎีกาข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่มิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสอง ฎีกาของจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 จึงเป็นฎีกาที่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 15 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
ข้อเท็จจริงยุติว่า เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยที่ 1 และที่ 2 พร้อมด้วยเมทแอมเฟตามีนจำนวน 22,000 เม็ด ที่ร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายแล้ว จำเลยที่ 1 และที่ 2 นำเจ้าพนักงานตำรวจไป จับกุมจำเลยที่ 3 และที่ 4 และยึดได้เมทแอมเฟตามีนอีกจำนวน 10,000 เม็ด ที่ร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นการขยายผลเพื่อจับกุมผู้กระทำความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ผู้กระทำความผิดได้ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อเจ้าพนักงานตำรวจ และพนักงานสอบสวน ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 100/2 (ที่แก้ไขใหม่) ซึ่งศาลจะลงโทษน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นก็ได้ เมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรลงโทษจำเลยที่ 2 น้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้อันเป็นการใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณบังคับตาม ป.อ. มาตรา 3 และเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ที่มิได้ฎีกาด้วยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 213 ประกอบด้วย มาตรา 225
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๘, ๑๕, ๖๖, ๑๐๒ ป.อ. มาตรา ๘๓, ๙๑ และริบของกลาง
จำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคสอง (ที่ถูกมาตรา ๑๕ วรรคหนึ่งด้วย), ๖๖ วรรคสอง ป.อ. มาตรา ๘๓ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำความผิด หลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษตาม ป.อ. มาตรา ๙๑ ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย วางโทษประหารชีวิต ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน วางโทษประหารชีวิต เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสี่ในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายแล้ว จึงไม่อาจนำโทษประหารชีวิตในความผิดฐานจำหน่าย เมทแอมเฟตามีนมาเรียงกระทงลงโทษได้อีก จึงคงให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสี่แต่สถานเดียว จำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษ เห็นสมควรลดโทษให้ ตาม ป.อ. มาตรา ๗๘ ประกอบมาตรา ๕๒ (ที่ถูก ๕๒ (๒)) กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยทั้งสี่คนละตลอดชีวิต ริบของกลาง
จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๙ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่โดยจำคุกกระทงละตลอดชีวิต ลดโทษให้คนละ กึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา ๗๘ ประกอบมาตรา ๕๓ แล้ว คงจำคุกกระทงละ ๒๕ ปี รวมโทษจำคุกทั้งสิ้นคนละ ๕๐ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสี่คนละตลอดชีวิต จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาเพียงประการเดียว นอกจากวินิจฉัยปัญหาที่จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค ๙ ได้วินิจฉัยในปัญหาว่าจำเลยทั้งสี่กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่อีกครั้งหนึ่ง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๒๔๕ วรรคสอง แม้ศาลอุทธรณ์ภาค ๙ พิพากษาแก้เฉพาะโทษเป็นลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสี่กระทงละ ๒๕ ปี รวมสองกระทง จำคุกจำเลยทั้งสี่คนละ ๕๐ ปี ก็มิใช่การพิพากษายืน คดีนี้จึงยังไม่ถึงที่สุด จำเลยทั้งสี่มีสิทธิฎีกาได้ แต่ก็ต้องฎีกาในปัญหาที่ว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบประกอบคำรับสารภาพของจำเลยทั้งสี่ไม่อาจรับฟังลงโทษจำเลยทั้งสี่ได้และปัญหาเรื่องขอให้ลงโทษสถานเบา ซึ่งเป็นปัญหาที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสอง จำเลยทั้งสี่จะฎีกาโต้เถียงเป็น อย่างอื่นมิได้ ข้อที่จำเลยที่ ๒ ฎีกาว่า ไม่ได้ร่วมกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยที่ ๓ ฎีกาว่าไม่ได้ร่วมกับพวกกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ และจำเลยที่ ๔ ฎีกาว่าไม่ได้ร่วมกับพวกกระทำความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จึงเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นจากที่จำเลยที่ ๒, ที่ ๓ และที่ ๔ ให้การรับสารภาพ อันถือได้ว่าเป็นการฎีกาข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่จำเลยที่ ๒, ที่ ๓ และที่ ๔ มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสอง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๔๙ วรรคหนึ่ง ประกอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา ๑๕ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยปัญหาข้อนี้
สำหรับจำเลยที่ ๒ นั้น ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามทางนำสืบโจทก์ว่า ในวันเกิดเหตุ เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ พร้อมด้วยเมทแอมเฟตามีน จำนวน ๒๒,๐๐๐ เม็ด ที่ร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายแล้ว จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ เป็นผู้นำเจ้าพนักงานตำรวจไปจับกุมจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ เป็นเหตุให้สามารถยึด เมทแอมเฟตามีนอีกจำนวน ๑๐,๐๐๐ เม็ด ที่ร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย มาเป็นของกลาง อันเป็นการขยายผลเพื่อจับกุมผู้กระทำความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ถือได้ว่าจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ผู้กระทำความผิดได้ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อเจ้าพนักงานตำรวจ และพนักงานสอบสวน อันต้องด้วยบทบัญญัติของ พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๐๐/๒ (ที่แก้ไขใหม่) ซึ่งศาลจะลงโทษน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้ สำหรับความผิดนั้นก็ได้ และศาลฎีกาเห็นสมควรลงโทษจำเลยที่ ๒ น้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับ ความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน อันเป็นการใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณบังคับตาม ป.อ. มาตรา ๓ ฎีกาของจำเลยที่ ๒ ฟังขึ้นบางส่วน ปัญหาดังกล่าวเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ ๑ ที่มิได้ฎีกาด้วยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๒๑๓ ประกอบด้วย มาตรา ๒๒๕
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ มีความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง วรรคสอง (เดิม), ๖๖ วรรคสอง (เดิม) ประกอบ มาตรา ๑๐๐/๒ (ที่แก้ไขใหม่) จำคุกกระทงละ ๓๐ ปี ลดโทษ ตาม ป.อ. มาตรา ๗๘ ให้คนละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกกระทงละ ๑๕ ปี รวมจำคุกจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ คนละ ๓๐ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๙.