คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7270/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ทนายจำเลยซึ่งเป็นพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการประจำศาลจังหวัดสีคิ้วได้รับคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่สำนักงานอัยการจังหวัดนครราชสีมา แม้ยังต้องถือว่าทนายจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่สำนักงานอัยการประจำศาลจังหวัดสีคิ้ว เพราะเป็นที่ทำการตามตำแหน่งหน้าที่ มิใช่ที่สำนักงานอัยการจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นเพียงถิ่นอันเป็นที่ทำการชั่วคราว ตาม ป.พ.พ. มาตรา 46 ก็ตาม แต่คำร้องของทนายจำเลยอ้างด้วยว่า เจ้าพนักงานศาลให้ นาย อ. พนักงานอัยการสำนักงานอัยการประจำศาลจังหวัดสีคิ้วรับหมายนัดไว้แทนทนายจำเลย ในขณะที่นาย อ. ไปที่ศาลชั้นต้น เจ้าพนักงานศาลมิได้ไปส่งหมายนัดที่สำนักงานอัยการประจำศาลจังหวัดสีคิ้ว หากข้อเท็จจริงได้ความตามคำร้องของทนายจำเลยดังกล่าว การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้แก่ทนายจำเลยย่อมถือไม่ได้ว่าเป็นการส่งหมาย ณ ภูมิลำเนาของทนายจำเลยและมีผู้รับแทนโดยชอบ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 76 วรรคหนึ่ง หรือเป็นการส่งคำคู่ความที่ได้กระทำในศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 77 (2) ศาลชั้นต้นชอบที่จะไต่สวนให้ได้ความว่าเจ้าพนักงานศาลไปส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นแก่ทนายจำเลย และนาย อ. รับไว้แทนที่สำนักงานอัยการประจำศาลจังหวัดสีคิ้วหรือไม่ ก่อนมีคำสั่งยกคำร้อง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2545 โดยพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 4,124,371 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยของต้นเงินจำนวนดังกล่าวในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภทประจำของธนาคารออมสินแต่ไม่เกินอัตราที่โจทก์ขอ นับแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2537 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้จำนวน 30,000 บาท ค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี
ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งเพิกถอนการอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำเลยหรือทนายจำเลยฟังต่อไป
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า เมื่อทนายจำเลยมิได้แถลงเปลี่ยนแปลงสำนักงานให้ศาลทราบ การส่งหมายต้องจัดส่งตามสำนักงานที่ปรากฏในใบแต่งทนาย การส่งหมายให้ทนายจำเลยทราบ จึงชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีเหตุให้เพิกถอนหรือแก้ไข มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำเลยฟังใหม่ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า การที่ทนายจำเลยซึ่งเป็นพนักงานอัยการสำนักงานอัยการประจำศาลจังหวัดสีคิ้ว ได้รับคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่สำนักงานอัยการจังหวัดนครราชสีมา ต้องถือว่าทนายจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่สำนักงานอัยการประจำศาลจังหวัดสีคิ้ว เพราะเป็นที่ทำการตามตำแหน่งหน้าที่ มิใช่ที่สำนักงานอัยการจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นเพียงถิ่นอันเป็นที่ทำการชั่วระยะเวลา ตาม ป.พ.พ. มาตรา 46 เมื่อคำร้องของทนายจำเลยฉบับลงวันที่ 11 มิถุนายน 2545 ทนายจำเลยอ้างว่า เจ้าพนักงานศาลให้นายเอกคมพนักงานอัยการสำนักงานอัยการประจำศาลจังหวัดสีคิ้วรับหมายนัดไว้แทนทนายจำเลย ในขณะที่นายเอกคมไปที่ศาลชั้นต้น เจ้าพนักงานศาลมิได้ไปส่งหมายนัดที่สำนักงานอัยการประจำศาลจังหวัดสีคิ้ว หากข้อเท็จจริงได้ความตามคำร้องของทนายจำเลยดังกล่าว การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นแก่ทนายจำเลยย่อมถือไม่ได้ว่าเป็นการส่งหมาย ณ ภูมิลำเนาของทนายจำเลยและมีผู้รับแทนโดยชอบ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 76 วรรคหนึ่ง หรือเป็นการส่งคำคู่ความที่ได้กระทำในศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 77 (2) ศาลชั้นต้นชอบที่จะไต่สวนให้ได้ความว่า เจ้าพนักงานศาลไปส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นแก่ทนายจำเลยและนายเอกคมรับไว้แทนที่สำนักงานอัยการประจำศาลจัหงวัดสีคิ้วหรือไม่ ก่อนมีคำสั่งยกคำร้อง ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องโดยไม่ไต่สวน และศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น โดยให้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำเลยฟังใหม่นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของทนายจำเลยในประเด็นว่า เจ้าพนักงานศาลไปส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นแก่ทนายจำเลยและนายเอกคมรับไว้แทน ที่สำนักงานอัยการประจำศาลจังหวัดสีคิ้วหรือไม่ แล้วให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ.

Share