คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 655/2561

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข. ติดต่อขอซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลย ได้แจ้งแก่จำเลยแล้วว่า ตนเองขอซื้อ 13 เม็ด และ ป. ขอซื้อ 10 เม็ด โดย ข. มอบเงินค่าเมทแอมเฟตามีนทั้งหมดให้จำเลย แต่ขณะส่งมอบเมทแอมเฟตามีนให้แก่กัน จำเลยเตรียมเมทแอมเฟตามีน แยกมาสำหรับ ข. 13 เม็ด และสำหรับ ป. 10 เม็ด แยกกันส่งมอบให้แต่ละคนตามจำนวนที่ขอซื้อ อันแสดงให้เห็นถึงเจตนาของจำเลยได้อย่างชัดเจนว่า ตั้งใจจะจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้ ข. 13 เม็ด แยกต่างหากจากที่จำหน่ายให้ ป. 10 เม็ด การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำความผิดสองกรรมต่างกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66 นับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.2685/2551 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 2 กระทง จำคุกกระทงละ 4 ปี รวมจำคุก 8 ปี ยกคำขอให้นับโทษต่อ
จำเลยฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้เป็นยุติว่า ในวันเกิดเหตุ หลังเวลาเกิดเหตุตามฟ้องแล้ว เจ้าพนักงานตำรวจร่วมกันจับกุมนายขุนนนท์หรือนนท์ พร้อมเมทแอมเฟตามีน 13 เม็ดและจับกุมนายปิยวัฒน์หรือต้น พร้อมเมทแอมเฟตามีน 10 เม็ด หลังถูกจับกุมแล้วทั้งนายขุนนนท์และนายปิยวัฒน์ ให้การรับสารภาพว่า ซื้อเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวมาจากจำเลย เจ้าพนักงานตำรวจจึงดำเนินการออกหมายจับจำเลยไว้ ต่อมาจำเลยถูกจับกุมดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดคดีอื่น และถูกอายัดตัวส่งมาให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีนี้ โดยในชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หรือไม่ เห็นว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบไม่มีพิรุธน่าสงสัยแต่อย่างใด สามารถยืนยันให้รับฟังข้อเท็จจริงได้อย่างแน่ชัดว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่นายขุนนนท์และนายปิยวัฒน์ตามฟ้องจริง
ที่จำเลยฎีกาว่า การขายเมทแอมเฟตามีนตามฟ้องโจทก์เป็นการกระทำความผิดกรรมเดียวนั้น เห็นว่า แม้นายปิยวัฒน์จะอ้างว่าได้มอบเงินให้นายขุนนนท์แล้วนายขุนนนท์มอบเงินให้จำเลย เท่ากับนายขุนนนท์เท่านั้นที่เป็นผู้ซื้อจากจำเลยเพียงครั้งเดียว แล้วจำเลยจึงมอบเมทแอมเฟตามีน 23 เม็ด ให้นายขุนนนท์ แต่นายขุนนนท์กลับเบิกความยืนยันว่า ขณะติดต่อขอซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยได้แจ้งแก่จำเลยแล้วว่า ตนเองขอซื้อ 13 เม็ด และนายปิยวัฒน์ขอซื้อ 10 เม็ด ในขณะส่งมอบเมทแอมเฟตามีนให้กัน ปรากฏว่าจำเลยเตรียมเมทแอมเฟตามีน แยกมาสำหรับนายปิยวัฒน์ 10 เม็ด และสำหรับนายขุนนนท์ 13 เม็ด แยกกันส่งมอบให้แต่ละคนตามจำนวนที่ขอซื้อ อันแสดงให้เห็นถึงเจตนาของจำเลยได้อย่างชัดเจนว่า จำเลยตั้งใจที่จะจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้นายปิยวัฒน์ 10 เม็ด แยกต่างหากจากที่จำหน่ายให้นายขุนนนท์อีก 13 เม็ด การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำสองกรรมต่างกัน ไม่ใช่กรรมเดียวตามที่จำเลยฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share