แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่พิพาท ศาลชั้นต้นออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อจัดการให้เป็นไปตามคำพิพากษาตามคำร้องขอของโจทก์แล้ว ต่อมาโจทก์ ได้แถลงต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยออกไปจากที่พิพาทแล้วย่อมถือได้ว่าการบังคับคดีเสร็จสิ้นตรงตามคำพิพากษาแล้วการที่จำเลยเข้ามาอยู่ในที่พิพาทอีกหลังจากนั้นเป็นเวลาเกือบ 2 ปี จึงเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นใหม่ โจทก์จะอาศัยคำพิพากษาในคดีนี้ที่บังคับคดีไปเสร็จสิ้นแล้วมาบังคับเอาแก่ การกระทำของจำเลยในครั้งนี้อีกไม่ได้ ชอบที่โจทก์จะฟ้อง เป็นคดีใหม่
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่พิพาท ห้ามเกี่ยวข้อง จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 3พิพากษายืน โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นออกคำบังคับให้จำเลยทราบศาลชั้นต้นออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 30 วันครบกำหนดแล้ว จำเลยและบริวารไม่ออกจากที่พิพาท โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดี ศาลชั้นต้นออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อจัดการให้เป็นไปตามคำพิพากษาเจ้าพนักงานบังคับคดีรายงานต่อศาลชั้นต้นว่า ผู้แทนโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปปิดประกาศขับไล่จำเลยและบริวารต่อมาผู้แทนโจทก์แถลงต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีว่า จำเลยยังคงอาศัยอยู่ในที่พิพาท ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจับกุมและกักขังจำเลย
วันที่ 21 เมษายน 2537 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ออกหมายจับจำเลย
วันที่ 31 พฤษภาคม 2537 เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้ศาลชั้นต้นออกหมายขังจำเลย
วันที่ 1 มิถุนายน 2537 จำเลยแถลงต่อศาลชั้นต้นว่าจะออกจากที่พิพาทภายใน 15 วัน ศาลชั้นต้นออกหมายปล่อยจำเลย
ต่อมาวันที่ 12 ธันวาคม 2537 เจ้าพนักงานบังคับคดีรายงานต่อศาลชั้นต้นว่า ผู้แทนโจทก์แถลงว่าจำเลยยังไม่ได้ออกจากที่พิพาท ขอให้จับกุมและกักขังจำเลย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ออกหมายจับจำเลย
วันที่ 8 พฤษภาคม 2538 เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้นางเส๊าะ หลำเบ็ลส๊ะ ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวโดยจำเลยแถลงว่าจะออกจากที่พิพาทภายใน 20 วัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ปล่อยจำเลยชั่วคราว
วันที่ 29 พฤษภาคม 2538 นายประกันแถลงต่อศาลชั้นต้นว่าจำเลยออกไปจากที่พิพาทแล้ว
วันที่ 27 มิถุนายน 2538 วันนัดพร้อม ทนายโจทก์แถลงต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยออกไปจากที่พิพาทแล้ว
ต่อมาวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2540 เจ้าพนักงานบังคับคดีรายงานต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยยังไม่ได้ออกไปจากที่พิพาทขอให้ศาลชั้นต้นจับกุมและกักขังจำเลย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์แถลงว่าจำเลยออกไปจากที่พิพาทแล้ว ดังนั้นโจทก์จึงไม่อาจดำเนินการบังคับคดีต่อไปได้
วันที่ 6 มีนาคม 2540 โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า โจทก์สามารถดำเนินการบังคับคดีต่อไปได้หรือไม่เห็นว่า การที่ทนายโจทก์ได้แถลงต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่27 มิถุนายน 2538 ซึ่งเป็นวันนัดพร้อมว่า จำเลยออกไปจากที่พิพาทแล้วนั้น ย่อมถือได้ว่าการบังคับคดีเสร็จสิ้นตรงตามคำพิพากษาแล้ว ฉะนั้น การที่จำเลยเข้ามาอยู่ในที่พิพาทอีกหลังจากนั้นเป็นเวลาเกือบ 2 ปี จึงเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นใหม่ โจทก์จะอาศัยคำพิพากษาในคดีนี้ที่บังคับคดีไปเสร็จสิ้นแล้วมาบังคับเอาแก่การกระทำของจำเลยในครั้งนี้อีกไม่ได้ ชอบที่โจทก์จะฟ้องเป็นคดีใหม่
พิพากษายืน