แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลพิพากษาให้จำเลยส่งมอบและจดทะเบียนโอนห้องพิพาทให้โจทก์จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาโจทก์จึงดำเนินการบังคับคดีโดยเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ไปจัดการให้โจทก์เข้าครอบครองห้องพิพาทและส่งมอบให้โจทก์เข้าครอบครองแล้วซึ่งการส่งมอบดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา296ตรีเพื่อจัดการให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเข้าครอบครองทรัพย์ไม่ใช่เป็นการยึดเพื่อนำออกขายทอดตลาดตามความในมาตรา288กรณีจึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามมาตรา288ที่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ซื้อห้องพิพาทจากจำเลยจะมาร้องขอให้ปล่อยห้องพิพาทได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยซึ่งขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาส่งมอบและจดทะเบียนโอนอาคารพาณิชย์ห้องพิพาทเลขที่ 152/25 ในสภาพที่ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์ให้แก่โจทก์ จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดีจัดการให้โจทก์เข้าครอบครองอาคารพาณิชย์ห้องพิพาท
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องซื้ออาคารพาณิชย์ห้องพิพาทจากจำเลยโดยสุจริตเมื่อ พ.ศ. 2532 จำเลยส่งมอบการครอบครองและจดทะเบียนโอนสิทธิการเช่าที่ดินที่อาคารพาณิชย์ห้องพิพาทตั้งอยู่ให้แก่ผู้ร้องแล้ว ขอให้ปล่อยอาคารพาณิชย์ห้องพิพาท
โจทก์ให้การว่า จำเลยและผู้ร้องสมคบกันทำสัญญาซื้อขายอาคารพาณิชย์ห้องพิพาทหลังจากที่โจทก์ฟ้องและบังคับคดีแก่จำเลยที่ผู้ร้องอ้างว่าจำเลยส่งมอบการครอบครองอาคารพาณิชย์ห้องพิพาทให้แก่ผู้ร้องแล้วก็ไม่เป็นความจริง ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ปล่อยอาคารพาณิชย์ห้องพิพาท โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่าอาคารพาณิชย์ห้องพิพาทเป็นของจำเลย ขอให้ยกคำร้องขอของผู้ร้องนั้น ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยก่อนว่า ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขัดทรัพย์คดีนี้หรือไม่เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยส่งมอบและจดทะเบียนโอนอาคารพาณิชย์ห้องพิพาทให้โจทก์ จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาโจทก์จึงดำเนินการบังคับคดี โดยเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ไปจัดการให้โจทก์เข้าครอบครองอาคารพาณิชย์ห้องพิพาทและส่งมอบให้โจทก์เข้าครอบครองแล้ว ซึ่งการส่งมอบดังกล่าวถือได้ว่าการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 ตรี เพื่อจัดการให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเข้าครอบครองทรัพย์ หาใช่เป็นการยึดเพื่อนำออกขายทอดตลาดตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 ไม่ กรณีจึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 ที่ผู้ร้องจะมาร้องขอให้ปล่อยอาคารพาณิชย์ห้องพิพาทได้ ผู้ร้องอ้างว่าอาคารพาณิชย์ห้องพิพาทเป็นของผู้ร้อง ก็ชอบจะไปว่ากล่าวเป็นเรื่องอื่นต่างหาก แต่ไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขัดทรัพย์ที่เข้ามาในเป็นคดีนี้ ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความไม่ได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมาศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ และเมื่อวินิจฉัยดังนี้แล้วคดีก็ไม่จำต้องวินิจฉัยในประเด็นตามฎีกาของโจทก์ดังกล่าวข้างต้นอีกแต่อย่างใด ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ปล่อยอาคารพาณิชย์ห้องพิพาทไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา”
พิพากษากลับ ให้ยก คำร้องขอ ของ ผู้ร้อง