คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6532/2552

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 จำเลยได้ยื่นคำร้องว่าจำเลยได้ชดใช้ค่าเสียหายจนเป็นที่พอใจแก่ผู้เสียหายแล้ว แต่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 โดยมิได้ส่งคำร้องของจำเลยดังกล่าวไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิจารณา ปัญหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการพยายามบรรเทาผลร้ายแห่งความผิดตามคำร้องของจำเลยจึงมิได้เข้าสู่การวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 5 ซึ่งอาจเป็นเหตุให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไปได้ ที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 ไปจึงเป็นการมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา แต่เพื่อให้การพิจารณาคดีของจำเลยเป็นไปตามลำดับศาลเพราะผลแห่งการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 5 อาจนำไปสู่การจำกัดสิทธิการฎีกาของคู่ความได้ ศาลฎีกาย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นดำเนินการใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208 (2) ประกอบมาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 จำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายอ้างว่าในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 5 จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นแสดงหลักฐานว่าจำเลยชดใช้ค่าเสียหายเพื่อบรรเทาผลร้ายแห่งคดีให้แก่ผู้เสียหาย แต่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรร์ภาค 5 โดยมิได้ส่งคำร้องของจำเลยไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิจารณานั้น เห็นว่า ก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 จำเลยได้ยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 ว่าจำเลยได้ชดใช้ค่าเสียหายจนเป็นที่พอใจแก่ผู้เสียหายแล้ว แต่ภายหลังศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 โดยมิได้ส่งคำร้องของจำเลยดังกล่าวไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิจารณา ดังนั้น ปัญหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการพยายามบรรเทาผลร้ายแห่งความผิดตามคำร้องของจำเลยจึงมิได้เข้าสู่การวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 5 ซึ่งอาจเป็นเหตุให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไปได้ ที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 โดยไม่ส่งคำร้องของจำเลยไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 5 วินิจฉัยเสียก่อนเป็นการมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น เพื่อให้การพิจารณาคดีของจำเลยเป็นไปตามลำดับศาลเพราะผลแห่งการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 5 อาจนำไปสู่การจำกัดสิทธิการฎีกาของคู่ความได้ ศาลฎีกาจำเป็นต้องย้อนสำนวนเพื่อให้ศาลชั้นต้นดำเนินการใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208 (2) ประกอบมาตรา 225”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 และให้ศาลชั้นต้นส่งคำร้องของจำเลยฉบับลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 ไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 5 เพื่อให้พิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share