แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีที่ฟ้องหาว่า จำเลยกระทำผิดพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 โจทก์จะต้องบรรยายในฟ้องให้ปรากฏด้วยว่าได้มีการคัดสำเนาพระราชกฤษฎีกา หรือประกาศรัฐมนตรีซึ่งกำหนดขึ้น ตามบทแห่ง พ.ร.บ.นี้ไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอ ที่ทำการกำนัน หรือที่สาธารณสถานในท้องที่ซึ่งเกี่ยวข้องแล้ว ถ้าในฟ้องมิได้กล่าวไว้ทั้งตามท้องสำนวนก็ไม่ได้ความตามที่ พ.ร.บ.กำหนดไว้ แม้จำเลยรับสารภาพ ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยตัดฟันชักลากไม้หวงห้ามในป่า และออกจากป่า และจำเลยมีไม้ดังกล่าวแล้วยังมิได้แปรรูป กัยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงประทับไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต และไม่มีใบเบิกทางของพนักงานเจ้าหน้าที่กำกับไปด้วยตามข้อกำหนดในกฎกระทรวง ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.๒๔๘๔ มาตรา ๑๑ – ๓๙ – ๖๙ – ๗๑ – ๗๓ และริบไม้
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ตามมาตรา ๕ แห่ง พ.ร.บ.ป่าไม้บัญญัติว่าระราชกฤษฎีกา หรือประกาศรัฐมนตรี ซึ่งกำหนดขึ้นตามบทแป่ง พ.ร.บ.นี้ ให้คัดสำเนาประกาศไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอและที่ทำการกำนัน หรือที่สาธารณะสถานในท้องที่ซึ่งเกี่ยวข้อง แต่โจทก์มิได้บรรยายความข้อนี้ไว้ และมิได้นำสืบ จึงลงโทษจำเลยไม่ได้ ให้ยกฟ้องเสีย ไม้ของกลางรับ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่ไม้ของกลางให้คืนจำเลย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า พ.ร.บ.ป่าไม้ มาตรา ๕ บัญญัติไว้ชัดว่า พระราชกฤษฎีกาหรือประกาศรัฐมนตรีซึ่งกำหนดขึ้นตามบทแห่ง พ.ร.บ.นี้ให้คัดสำเนาประกาศไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอ และที่ทำการกำนันหรือที่สาธารณะสถานในท้องที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ก็เพื่อประสงค์ให้ประชาชนในท้องที่ซึ่งเกี่ยวข้องได้ทราบประกาศนั้น แต่ตามฟ้องโจทก์มิได้กล่าวว่าได้มีการออกประกาศทั้งตามท้องสำนวน ก็ไม่ได้ความตามที่ พ.ร.บ.ได้กำหนดไว้ ศาลล่างพิพากษายกฟ้องชอบแล้ว จึงพิพากษายืน.