คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6515/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทจนได้กรรมสิทธิ์แล้วโจทก์ซื้อที่ดินดังกล่าวมาโดยไม่สุจริตไม่ได้เสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยไม่สุจริตกล่าวคือโจทก์อ้างว่าซื้อที่ดินมาตามโฉนดแต่โจทก์ไม่ได้มาดูที่ดินหรือสอบถามเสียก่อนว่ามีอาณาเขตจากไหนถึงไหนมียุ้งฉางอยู่ก่อนโดยอาศัยสิทธิอย่างไรและมีการล้อมรั้วลวดหนามเป็นอย่างไรซึ่งผิดวิสัยของบุคคลที่จะซื้อที่ดินอันเป็นการแสดงโดยแจ้งชัดถึงการได้มาซึ่งที่ดินดังกล่าวโดยไม่สุจริตของโจทก์คำให้การของจำเลยดังกล่าวชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา177วรรคสองจึงมีประเด็นที่จำเลยจะสืบตามข้อสู้ได้ว่าโจทก์ได้สิทธิมาโดยไม่สุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1299วรรคสองศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยและพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีมาย่อมเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 1338เนื้อที่ 3 ไร่ 3 งาน โดยโจทก์ได้จดทะเบียนการซื้อขายจากนายชุมพล บัญฑิตาโสภณ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2536 จำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 1337 ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของที่ดินโจทก์ ต่อมาโจทก์รังวัดที่ดินโจทก์ ปรากฏว่า จำเลยปลูกสร้างยุ้งฉางในที่ดินโจทก์บางส่วน และนำชี้แนวเขตที่รุกล้ำที่ดินโจทก์ เป็นเนื้อที่ประมาณ 29 ตารางวา การกระทำของจำเลยเป็นการแย่งการครอบครองที่ดินโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ที่ดินโจทก์มีราคาประเมินเป็นเงิน 11,600 บาทการที่จำเลยปลูกยุ้งฉางในที่ดินโจทก์ทำให้ที่ดินโจทก์เสื่อมค่าลงโจทก์ขอคิดค่าเสียหายเป็นเงิน 50,000 บาท ขอให้จำเลยรื้อถอนยุ้งฉางของจำเลยออกไปจากที่ดินโจทก์และทำหน้าดินให้กลับคืนสู่สภาพเดิมแล้วส่งมอบที่ดินคืนโจทก์โดยให้จำเลยเสียค่าใช้จ่ายหากจำเลยไม่ดำเนินการก็ให้โจทก์เป็นผู้ดำเนินการโดยให้จำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายหรือมิฉะนั้นให้จำเลยจ่ายเงินเป็นค่าซื้อที่ดินโจทก์เฉพาะบริเวณที่จำเลยได้ปลูกยุ้งฉางดังกล่าวให้โจทก์เป็นเงิน 50,000 บาท ห้ามมิให้จำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์อีกต่อไป
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทด้วยความสงบ เปิดเผยและเจตนาเป็นเจ้าของมาเป็นเวลาเกินกว่า10 ปีแล้ว โดยไม่มีผู้ใดโต้แย้งคัดค้านจนได้กรรมสิทธิ์แล้ว โจทก์ได้ที่ดินโฉนดเลขที่ 1338 มาโดยไม่สุจริต ไม่ได้เสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยไม่สุจริต กล่าวคือโจทก์อ้างว่าซื้อที่ดินมาตามโฉนด แต่โจทก์ไม่ได้มาดูที่ดินหรือสอบถามเสียก่อนว่ามีอาณาเขตจากไหนถึงไหน มียุ้งฉางอยู่ก่อนโดยอาศัยสิทธิอย่างไร และมีการล้อมรั้วลวดหนามเป็นอย่างไร ซึ่งผิดวิสัยของบุคคลที่จะซื้อที่ดินการที่ยุ้งฉางของจำเลยปลูกในที่ดินพิพาททำให้มูลค่าที่ดินเพิ่มขึ้นโจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย ขอให้ยกฟ้องและพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทยังไม่ถึง 10 ปี โจทก์ซื้อที่ดินพิพาทมาโดยสุจริต เสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนสิทธิต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ถูกต้องสมบูรณ์แล้วโจทก์จึงมีสิทธิดีกว่าจำเลย ซึ่งยังมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ในวันชี้สองสถานโจทก์แถลงรับว่า จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 1337 ตำบลบ้านใหม่ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรีส่วนจำเลยแถลงรับว่า โจทก์เป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 1338 ตำบลบ้านใหม่ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรีโดยซื้อมาจากนายชุมพล บัณฑิตาโสภณ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าคำให้การของจำเลยไม่ชัดแจ้ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 จำเลยจึงไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบพิสูจน์ว่าโจทก์ไม่สุจริตจึงมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลย พิพากษาให้จำเลยรื้อถอนยุ้งฉางออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 1338ตำบลคลองตาคต (บ้านใหม่) อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรีและทำหน้าดินให้กลับคืนสู่สภาพเดิมพร้อมกับส่งมอบที่ดินให้โจทก์ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องหรือขัดขวางการครอบครองที่ดินดังกล่าวของโจทก์คำขอนอกจากนี้ให้ยกเสีย และให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย
จำเลย อุทธรณ์ คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกคำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกามีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของโจทก์เพียงว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลย เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่โจทก์ฎีกาว่า คำให้การของจำเลยไม่ได้แสดงโดยแจ้งชัดว่าโจทก์จดทะเบียนซื้อที่ดินมาด้วยวิธีการใดไม่สุจริตอย่างไรจึงเป็นคำให้การที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสอง จำเลยจึงไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทจนได้กรรมสิทธิ์แล้ว โจทก์ซื้อที่ดินดังกล่าวมาโดยไม่สุจริตไม่ได้เสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยไม่สุจริต กล่าวคือโจทก์อ้างว่าซื้อที่ดินมาตามโฉนด แต่โจทก์ไม่ได้มาดูที่ดินหรือสอบถามเสียก่อนว่ามีอาณาเขตจากไหนถึงไหน มียุ้งฉางอยู่ก่อนโดยอาศัยสิทธิอย่างไรและมีการล้อมรั้วลวดหนามเป็นอย่างไรซึ่งผิดวิสัยของบุคคลที่จะซื้อที่ดินอันเป็นการแสดงโดยแจ้งชัดถึงการได้มาซึ่งที่ดินดังกล่าวโดยไม่สุจริตของโจทก์ คำให้การของจำเลยดังกล่าวชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสอง จึงมีประเด็นที่จำเลยจะสืบตามข้อต่อสู้ได้ว่าโจทก์ได้สิทธิมาโดยไม่สุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยและพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีมาย่อมเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
พิพากษายืน

Share