คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 191/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ข้อตกลงตาม สัญญาจ้างว่าความที่ให้โจทก์เป็น ทนายความของจำเลยในคดีฟ้องขับไล่โดยจำเลยจะชำระค่าจ้างให้แก่โจทก์เมื่อคดีถึงที่สุดและจำเลยเป็นฝ่ายชนะคดีกับให้โจทก์ออกเงินทดรองเป็นค่าขึ้นศาลค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่างๆในระหว่างดำเนินคดีไปก่อนจนกว่าคดีจะถึงที่สุดถ้าจำเลยไม่ได้รับที่ดินพิพาทคืนโจทก์จะไม่ได้รับค่าจ้างมีลักษณะเป็นการหาประโยชน์จากการที่ผู้อื่นเป็นความกันเป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนตกเป็นโมฆะและเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง และ แก้ไข คำฟ้อง ว่า เมื่อ วันที่ 16 มกราคม 2532 จำเลยได้ว่า จ้าง โจทก์ เป็น ทนายความ ใน คดี ฟ้องขับไล่ ตาม คดี หมายเลขแดงที่ 1959/2532 ของ ศาลแพ่ง ธนบุรี ตกลง ให้ ค่าจ้าง โจทก์ 250,000 บาทมี ข้อ สัญญา ว่า จำเลย จะ ชำระ ค่าจ้าง ให้ แก่ โจทก์ เมื่อ คดีถึงที่สุดและ จำเลย เป็น ฝ่าย ชนะคดี กับ ให้ โจทก์ ออก เงินทดรอง เป็น ค่าขึ้นศาลจำนวน 20,400 บาท ค่าธรรมเนียม และ ค่าใช้จ่าย ต่าง ๆ ใน ระหว่างดำเนินคดี ไป ก่อน จนกว่า คดี จะ ถึงที่สุด ถ้า จำเลย ไม่ได้ รับ ที่ดินพิพาท คืน โจทก์ จะ ไม่ได้ รับ ค่าจ้าง โจทก์ ได้ ใช้ ความรู้ ความ สามารถตลอดจน ศิลปะ บังคับ จน จำเลย ใน คดี ดังกล่าว ข้างต้น ยอม ที่ จะ ประนีประนอมด้วย โดย ขอ ค่า ขนย้าย 25,000 บาท ครั้น ถึง วันนัด จำเลย ได้ ยื่น คำร้องขอ ถอน โจทก์ จาก การ เป็น ทนายความ พร้อม เสนอ ให้ เงิน แก่ จำเลย คดี นั้น50,000 บาท ศาล จึง มา คำพิพากษา ตามยอม ขอให้ บังคับ จำเลย ชำระ เงินจำนวน 265,833.34 บาท พร้อม ดอกเบี้ย ใน อัตรา ร้อยละ 15 ต่อ ปี จากต้นเงิน 250,000 บาท นับ ถัด จาก วันฟ้อง จนกว่า จะ ชำระ เสร็จ แก่ โจทก์
จำเลย ให้การ ว่า จำเลย ไม่เคย จ้าง โจทก์ เป็น ทนายความ ไม่เคย ตกลงให้ ค่าจ้าง โจทก์ ตาม ฟ้อง จำเลย เคย ฟ้อง นาย พีรกิตย์ ถาวรานุสรณ์ เป็น จำเลย ที่ ศาลแพ่ง ธนบุรี โดย จำเลย เป็น ผู้ เสีย ค่าใช้จ่าย เองโจทก์ ไม่ได้ เกี่ยวข้อง ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ จำเลย ชำระ เงิน จำนวน 20,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย ใน อัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อ ปี นับแต่ วันที่ 24 พฤษภาคม 2532จนกว่า จะ ชำระ เสร็จ แก่ โจทก์
โจทก์ และ จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ เป็น ว่า ให้ จำเลย ชำระ ค่าจ้าง ว่าความให้ โจทก์ เป็น เงิน 250,000 บาท พร้อม ด้วย ดอกเบี้ย ใน อัตรา ร้อยละ7.5 ต่อ ปี นับแต่ วันที่ 24 พฤษภาคม 2532 จนกว่า จะ ชำระ เสร็จ แก่ โจทก์
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “คดี นี้ โจทก์ ฟ้อง ขอให้ จำเลย ชำระ ค่าจ้างว่าความ โดย โจทก์ บรรยายฟ้อง ถึง ข้อตกลง ตาม สัญญาจ้าง ว่าความ ว่าจำเลย ได้ว่า จ้าง โจทก์ เป็น ทนายความ ใน คดี ฟ้องขับไล่ ตาม คดี หมายเลขแดงที่ 1959/2532 ของ ศาลชั้นต้น ระหว่าง นาย อลงกรณ์ กมลยะบุตร ที่ 1 นาย อนุสรณ์ ฉวีรัตน์ ที่ 2 โจทก์ นาย พีรกิตย์ ถาวรานุสรณ์ จำเลย ตกลง ให้ ค่าจ้าง โจทก์ 250,000 บาท มี ข้อ สัญญา ว่า จำเลย จะชำระ ค่าจ้าง ให้ แก่ โจทก์ เมื่อ คดีถึงที่สุด และ จำเลย เป็น ฝ่าย ชนะคดีกับ ให้ โจทก์ ออก เงินทดรอง เป็น ค่าขึ้นศาล จำนวน 20,400 บาทค่าธรรมเนียม และ ค่าใช้จ่าย ต่าง ๆ ใน ระหว่าง ดำเนินคดี ไป ก่อน จนกว่าคดี จะ ถึงที่สุด ถ้า จำเลย ไม่ได้ รับ ที่ดินพิพาท คืน โจทก์ จะ ไม่ได้รับ ค่าจ้าง ดังนี้ เห็นว่า ข้อตกลง ตาม สัญญาจ้าง ว่าความ ระหว่างโจทก์ กับ จำเลย ดังกล่าว มี ลักษณะ เป็น การ หา ประโยชน์ จาก การ ที่ ผู้อื่นเป็น ความ กัน หรือ ยุยง ให้ ผู้อื่น เป็น ความ กัน จึง เป็น สัญญา ที่ มีวัตถุประสงค์ เป็น การ ขัด ต่อ ความสงบ เรียบร้อย หรือ ศีลธรรม อัน ดี ของประชาชน ย่อม ตกเป็น โมฆะ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113(เดิม ) (มาตรา 150 ที่ แก้ไข ใหม่ ) ปัญหา ข้อ นี้ แม้ คู่ความ จะ มิได้อุทธรณ์ ฎีกา แต่ ก็ เป็น ปัญหา อัน เกี่ยว ด้วย ความสงบ เรียบร้อย ของประชาชน ศาลฎีกา เห็นสมควร หยิบยก ขึ้น วินิจฉัย เอง ได้ ตาม ประมวล กฎหมายวิธีพิจารณา ความ แพ่ง มาตรา 142(5) ประกอบ ด้วย มาตรา 246, 247และ เมื่อ วินิจฉัย ดังนี้ แล้ว คดี ก็ ไม่จำต้อง วินิจฉัย ประเด็น ตามฎีกา จำเลย ข้อ อื่น อีก ต่อไป เพราะ ไม่อาจ ทำให้ ผล คดี เปลี่ยนแปลงศาลฎีกา ไม่เห็น พ้อง ด้วย กับ คำพิพากษา ศาลล่าง ทั้ง สอง ”
พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้องโจทก์

Share