แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หนังสือสัญญาระบุว่าเป็นหนังสือสัญญาซื้อขาย ข้อความในสัญญามีความว่าคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงกันทำสัญญาซื้อขายทรัพย์สินกัน ผู้ขายตกลงขายที่ดินบ้านพร้อมด้วยเรือนและครัวให้แก่ผู้ซื้อ ผู้ขายได้รับเงินจากผู้ซื้อครบถ้วนในวันทำสัญญาและจะส่งมอบทรัพย์สินที่ซื้อขายให้แก่ผู้ซื้อในภายหลัง ดังนี้ สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาซื้อขายเด็ดขาด เมื่อไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 456 และ115 ผู้ซื้อไม่มีสิทธิฟ้องบังคับผู้ขายให้ส่งมอบทรัพย์สินที่ซื้อขายได้ ส่วนหน้าที่ของผู้ขายซึ่งจะต้องส่งมอบทรัพย์สินที่ขายให้แก่ผู้ซื้อตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 461 นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและเพิ่มเติมฟ้องว่า เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2507จำเลยตกลงขายที่บ้าน 1 แปลงพร้อมด้วยเรือนและครัวให้แก่โจทก์เป็นเงิน 8,000 บาท จำเลยได้รับเงิน 8,000 บาท จากโจทก์ในวันทำสัญญา จำเลยจะส่งมอบทรัพย์สินที่ซื้อขายให้โจทก์ในวันที่ 1 เมษายน2507 ขอให้จำเลยส่งมอบที่บ้านเรือนและครัวให้โจทก์ให้จำเลยไปทำนิติกรรมขายต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ หากไม่ยอมไปให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนา หากจำเลยไม่สามารถส่งมอบที่บ้านเรือนและครัวดังกล่าวให้โจทก์ได้ ก็ให้ใช้เงิน 8,000 บาท
จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นสายลับและสายสืบให้เจ้าพนักงานตำรวจซึ่งให้สืบสวนว่าผู้ใดเป็นคอมมิวนิสต์ โจทก์ได้พูดขู่เข็ญว่าจำเลยกับพวกเป็นคอมมิวนิสต์ จะรายงานให้เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยกับพวกกลัวได้ขอร้องโจทก์ โจทก์ให้จำเลยกับพวกนำเงินมาให้โจทก์คนละ 1,000 บาท โจทก์จึงจะไม่รายงาน แต่จำเลยกับพวกไม่มีเงิน โจทก์ได้นาเอาหนังสือสัญญาซึ่งไม่ได้เขียนข้อความให้จำเลยกับพวกลงชื่อ แล้วบอกให้จำเลยกับพวกนำเงินมาให้โจทก์ภายใน 3 เดือน ถึงวันนัด จำเลยไม่มีเงินชำระโจทก์จึงฟ้อง
นางใครภรรยาจำเลยขอเข้าเป็นจำเลยร่วมหลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว ศาลชั้นต้นไม่อนุญาต
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า พยานโจทก์เบิกความขัดแย้งตอนชำระเงินให้จำเลย สัญญาซื้อขายและคำเบิกความของโจทก์ไม่ปรากฏว่า โจทก์ประสงค์จะให้มีการจดทะเบียนซึ้อขายทรัพย์รายนี้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงเป็นโมฆะจะขอให้บังคับไม่ได้ พิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยได้ทำสัญญาซื้อขายให้โจทก์จริงและสัญญาฉบับนี้เป็นสัญญาจะซื้อขาย เพราะกำหนดเวลาส่งมอบที่ดินหรือจะหมายความถึงภาษาชาวบ้านนอก ก็คือไปโอนทะเบียนกัน โจทก์มีสิทธิขอให้ศาลบังคับตามสัญญาได้ พิพากษากลับ ให้จำเลยส่งมอบที่ดินเรือนและครัวให้แก่โจทก์ ให้จำเลยไปทำนิติกรรมโอนขายต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ให้แก่โจทก์ หากไม่ยอมไปให้ถือคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หนังสือสัญญาในคดีนี้ระบุว่าเป็นหนังสือสัญญาซื้อขาย โดยโจทก์จำเลยตกลงทำสัญญาซื้อขายทรัพย์สินกัน จำเลยตกลงขายที่บ้านเรือนและครัวให้แก่โจทก์ จำเลยได้รับเงิน 8,000 บาทแล้วตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2507 จำเลยจะส่งมอบทรัพย์สินที่ซื้อขายนี้ให้แก่ผู้ซื้อในวันที่ 1 เมษายน 2507 สัญญาดังกล่าวจึงเป็นสัญญาซื้อขายเด็ดขาด เมื่อไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 และ 115 ส่วนหน้าที่ของผู้ขายที่จะต้องส่งมอบทรัพย์สินซึ่งขายให้แก่ผู้ซื้อตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 461 นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก เมื่อหนังสือสัญญาดังกล่าวเป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องบังคับจำเลยได้ ไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาข้ออื่น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น