คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 65/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

แม้เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 จะไม่มีอำนาจกำหนดรายรับขั้นต่ำประจำเดือนของโจทก์ล่วงหน้าตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2525เป็นต้นไป เพราะโจทก์ยังมิได้ยื่นแบบแสดงรายการการค้าหรือปฏิบัติขัดต่อประมวลรัษฎากร มาตรา 87 ก็ตาม แต่ได้ความว่าเมื่อโจทก์ได้ยื่นแบบแสดงรายการการค้าเพื่อเสียภาษีการค้าในปี พ.ศ. 2525ไว้แล้ว ต่อมาเจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบพบว่าโจทก์ได้แสดงรายการการค้าเพื่อเสียภาษีต่ำกว่าที่เจ้าพนักงานประเมินกำหนดไว้จึงแจ้งให้โจทก์ชำระภาษีเพิ่มสำหรับเดือนกุมภาพันธ์ 2525ถึงเดือนธันวาคม 2525 และเดือนมกราคม 2526 ถึงเดือนเมษายน 2526โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 87,87 ทวิ(7) นั้น เป็นการแจ้งการประเมินภาษีการค้าที่ชอบแล้ว หลังจากที่เจ้าพนักงานประเมินแจ้งให้โจทก์ชำระภาษีการค้าเพิ่มแล้วการที่ น.หุ้นส่วนผู้จัดการของโจทก์ยอมรับว่าเจ้าพนักงานของจำเลยที่ 1 ได้เรียกเก็บภาษีการค้าเพิ่ม เบี้ยปรับ และเงินเพิ่มถูกต้องแล้วรวมทั้งสละสิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์โจทก์จะโต้เถียงว่าเจ้าพนักงานของจำเลยที่ 1 ประเมินให้โจทก์ชำระภาษีการค้าเพิ่มรวมตลอดถึงคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 3ที่ 4 และที่ 5 ว่าไม่ชอบนั้นไม่ได้ การกระทำของ น.ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการโจทก์มีผลผูกพันโจทก์ให้ต้องเสียภาษีการค้าเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามที่เจ้าพนักงานประเมินเรียกเก็บเพิ่มขึ้น

ย่อยาว

ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินภาษีการค้าของจำเลยทั้งห้า สำหรับเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนธันวาคม 2525และเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน 2526 ที่ให้โจทก์เสียภาษีการค้าเพิ่มพร้อมทั้งเงินเพิ่มเบี้ยปรับ และภาษีบำรุงเทศบาลรวม 200,681.98บาท ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ จำเลยทั้งห้าอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “เห็นว่าเมื่อพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 ตรวจสอบพบว่าโจทก์ได้แสดงรายการการค้าเพื่อเสียภาษีการค้าประจำปี พ.ศ. 2522 ถึง 2524ต่ำกว่าความเป็นจริง จึงได้กำหนดรายรับขั้นต่ำประจำเดือนของโจทก์เดือนละไม่น้อยกว่า 400,000 บาท ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์2525 เป็นต้นไป แม้เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 จะไม่มีอำนาจกำหนดรายรับขั้นต่ำประจำเดือนของโจทก์ล่วงหน้าตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2525 เป็นต้นไป เพราะโจทก์ยังมิได้ยื่นแบบแสดงรายการการค้าหรือปฏิบัติขัดต่อประมวลรัษฎากร มาตรา 87 ก็ตามแต่ได้ความว่าเมื่อโจทก์ได้ยื่นแบบแสดงรายการการค้าเพื่อเสียภาษีการค้าในปี พ.ศ. 2525 ไว้แล้ว ต่อมาเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 ตรวจสอบพบว่าโจทก์ได้แสดงรายการการค้าเพื่อเสียภาษีต่ำกว่าที่เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 กำหนดไว้ จึงได้แจ้งให้โจทก์ชำระภาษีเพิ่มสำหรับเดือนกุมภาพันธ์ 2525 ถึงเดือนธันวาคม 2525 และเดือนมกราคม 2526 ถึงเดือนเมษายน 2526โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 87, 87 ทวิ(7) นั้นเป็นการแจ้งการประเมินภาษีการค้าที่ชอบแล้ว
ดังนั้น ปัญหาที่ว่าโจทก์จะต้องชำระภาษีการค้าเพิ่มพร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่มหรือไม่นั้น ได้ความว่า หลังจากที่เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 แจ้งให้โจทก์ชำระภาษีการค้าเพิ่มแล้ว ได้เรียกนางนิภา บุญธรรม หุ้นส่วนผู้จัดการของโจทก์มาสอบถามเรื่องนี้ด้วย นางนิภาแสดงความยินยอมเสียภาษีการค้าเพิ่มพร้อมทั้งขอลดเบี้ยปรับตามที่เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 แจ้งให้ทราบรวมทั้งสละสิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ปรากฏตามคำให้การของนางนิภาลงวันที่ 18พฤษภาคม 2526 เห็นว่าการที่นางนิภายอมรับว่าเจ้าพนักงานของจำเลยที่ 1 ได้เรียกเก็บภาษีการค้าเพิ่ม เบี้ยปรับและเงินเพิ่มถูกต้องแล้ว โจทก์จะโต้เถียงว่าเจ้าพนักงานของจำเลยที่ 1ประเมินให้โจทก์ชำระภาษีการค้าเพิ่มรวมตลอดถึงคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 ว่าไม่ชอบนั้นไม่ได้การกระทำของนางนิภา ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของโจทก์มีผลผูกพันโจทก์ให้ต้องเสียภาษีการค้าเบี้ยปรับ และเงินเพิ่มตามที่เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 เรียกเก็บเพิ่มขึ้นคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลางไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาอุทธรณ์จำเลยทั้งห้าฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลเป็นพับ”

Share