แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้สัญญาจะซื้อขายที่ดินกฎหมายบังคับให้ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อฝ่าย ต้องรับผิดมาแสดง แต่การที่จำเลยนำสืบว่าได้ชำระราคาที่พิพาทกันแล้วนั้น จำเลยย่อมนำสืบได้ ไม่เป็นการนำสืบเพื่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิ่มเติมเอกสารสัญญาแต่อย่างใด
โจทก์ยื่นคำร้องโต้แย้งว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้โจทก์นำสืบก่อนไม่ชอบ ขอให้สั่งใหม่ให้จำเลยนำสืบก่อน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตตามที่โจทก์ขอ โจทก์ไม่ได้โต้แย้งคำสั่ง กลับแถลงไม่ติดใจสืบพยานต่อไป ศาลชั้นต้นจึงดำเนินการพิจารณาสืบพยานจำเลยจนเสร็จสำนวน และพิพากษาแล้ว โจทก์จะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งในเรื่องหน้าที่นำสืบนี้อีกไม่ได้
(อ้างฎีกาที่ 819/2501)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยรับชำระหนี้ และคืนนาที่โจทก์มอบให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าโจทก์ขายที่นาส่วนของโจทก์ให้จำเลย และจำเลยได้ครอบครองมา โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตขอให้ศาลบังคับให้โจทก์โอนขายที่นาเฉพาะส่วนของโจทก์ให้จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่าไม่ได้ตกลงจะขายนาให้จำเลย สัญญาที่จำเลยอ้างปลอม
ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์นำสืบก่อนโจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านให้ศาลสั่งใหม่ให้จำเลยสืบก่อน ถ้าศาลไม่เปลี่ยนแปลงคำสั่ง โจทก์ก็ไม่ขอสืบพยาน ถือเอาตามหลักฐานพยานที่มีอยู่ตามฟ้องและคำให้การเท่านั้น ศาลชั้นต้นจึงสืบแต่พยานจำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ และให้โจทก์โอนที่พิพาทให้แก่จำเลย
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ได้ตกลงทำสัญญาจะซื้อขายที่พิพาทให้แก่จำเลยและโจทก์เป็นฝ่ายผิดนัดผิดสัญญา
ที่โจทก์ฎีกาว่า หนังสือสัญญาจะซื้อขายที่พิพาทไม่ปรากฏความว่าได้มีการชำระราคาที่ดิน แต่จำเลยนำสืบว่ามีการชำระเงินกัน เป็นการสืบพยานบุคคลเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสาร ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๔ เห็นว่าแม้สัญญาจะซื้อขายที่ดิน กฎหมายบังคับให้ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายต้องรับผิดมาแสดงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๕๖ วรรค ๒ แต่จำเลยก็นำสืบว่าได้ชำระราคาที่พิพาทแล้วได้ ไม่เป็นการนำสืบเพื่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิ่มเติมเอกสารสัญญาจะซื้อขายแต่ประการใด
ที่โจทก์ฎีกาคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้โจทก์นำสืบก่อนไม่ชอบ โจทก์ได้ยื่นคำร้องโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นไว้แล้ว ขอให้ศาลฎีกาสั่งพิจารณาใหม่ให้โจทก์สืบพยานหักล้างหลักฐานพยานจำเลยนั้น เห็นว่า เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องโต้แย้งและศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตตามที่โจทก์ขอแล้ว โจทก์หาได้โต้แย้งคำสั่งไว้อีกไม่ กลับแถลงไม่ติดใจสืบพยาน ศาลชั้นต้นจึงดำเนินการพิจารณาสืบพยานจำเลยต่อไปจนเสร็จสำนวนและพิพากษาแล้ว โจทก์จะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งในเรื่องหน้าที่นำสืบนี้อีกไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๖(๒) และ ๒๔๗ ดังนัยฎีกาที่ ๘๑๙/๒๕๐๑
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์