แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ลูกหนี้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ และสัญญาจะชำระหนี้ภายในกำหนดเวลาหนึ่งโดยเจ้าหนี้มิได้ตกลงด้วยนั้น ไม่ผูกพันเจ้าหนี้
การที่เจ้าหนี้เพิ่งฟ้องคดี หาใช่เป็นการที่เจ้าหนี้แสดงเจตนาผูกนิติสัมพันธ์ยอมผ่อนเวลา (ขยายเวลา) ชำระหนี้อันมีกำหนดแน่นอนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 700 ประการใดไม่ จึงไม่ทำให้ผู้ค้ำประกันพ้นจากความรับผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างโจทก์ มีหน้าที่ตรวจสอบบัญชีเก็บเงินค่าสินค้าจากลูกค้า และตัวแทนจำหน่ายสินค้าของโจทก์เมื่อเก็บเงินแล้วมีหน้าที่ต้องนำส่งโจทก์ทันที จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันความเสียหายอันจำเลยที่ 1 กระทำในขณะเป็นลูกจ้าง จำเลยที่ 1 เก็บเงินค่าสินค้าจากลูกค้าโจทก์แล้วไม่ส่งโจทก์ตามระเบียบและได้ยืมเงินทดรองจ่ายจากโจทก์ไปอีกภายหลังจำเลยที่ 1 ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์รับรองจะชำระหนี้ให้ แต่จำเลยที่ 1 ก็ไม่ชำระ โจทก์ทวงถามจำเลยที่ 2 ก็ไม่ชำระ
จำเลยที่ 1 รับตามฟ้อง
จำเลยที่ 2 ต่อสู้ว่า เนื่องจากโจทก์ยอมผ่อนเวลาแก่จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 มิได้ตกลงด้วย จึงพ้นความรับผิด และเงินยืมจำเลยที่ 2 ก็ไม่จำต้องรับผิดด้วย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้แก่โจทก์หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระให้จำเลยที่ 2 ชำระแทนเฉพาะเงินที่จำเลยที่ 1 เก็บแล้วไม่นำส่ง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่โจทก์เพิ่งฟ้อง หาใช่เป็นการที่โจทก์แสดงเจตนาผูกนิติสัมพันธ์ยอมผ่อนเวลา (ขยายเวลา) ชำระหนี้อันมีกำหนดแน่นอนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 700 ประการใดไม่เพราะตามหนังสือรับสภาพหนี้ที่จำเลยที่ 1 ขอสัญญาว่าจะชำระหนี้ให้โจทก์ภายใน 30 วันนั้น เป็นการขอกำหนดเวลาชำระหนี้ฝ่ายเดียวโจทก์มิได้กำหนดด้วย จึงไม่ผูกพันโจทก์ จำเลยที่ 2 ต้องรับผิด
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย