แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีก่อนโจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 คนเดียว กระทำละเมิดเข้าทำนาของโจทก์ในปีการทำนา พ.ศ.2519 คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างพิจารณา แล้วโจทก์ฟ้องคดีนี้ว่าจำเลยที่ 1 กับพวกเข้ามาแย่งไถและหว่านข้าวทำนาอันเป็นการละเมิดในปี พ.ศ.2520 ซึ่งเป็นการละเมิดคนละคราวต่างหากจากกัน(ทั้งในชั้นตรวจรับคำฟ้อง ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเป็นการทำละเมิดต่อเนื่องเรื่อยมา อันจะพึงถือว่าเป็นการทำละเมิดคราวเดียวกัน) จึงไม่อาจถือได้ว่าเป็นคำฟ้องเรื่องเดียวกัน ฟ้องโจทก์ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง (1)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อเดือน 4 ในปี พ.ศ. 2520 จำเลยทั้งสามร่วมกันจงใจละเมิดเข้ามาแย่งไถและหว่านข้าวทำนาในที่ดินโจทก์ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้ขับไล่จำเลย และให้จำเลยร่วมกันใช้ข้าวเปลือกที่คิดเป็นค่าเช่าหรือใช้เงินแทน และให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ด้วย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า มูลเหตุแห่งการละเมิดคดีนี้เป็นเหตุเดียวกับคดีแพ่งดำที่ 26/2520 แพ่งแดงที่ 49/2520 ซึ่งโจทก์อุทธรณ์ อยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ การที่โจทก์ฟ้องคดีนี้จึงเป็นการฟ้องซ้อน ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173(1) จึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้อง จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้รับฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2 และที่ 3ไว้พิจารณา
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในคดีก่อนเฉพาะข้อหาฐานละเมิดโจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลย (จำเลยที่ 1 ในคดีนี้) กระทำละเมิดในปีการทำนาพ.ศ. 2519 ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายในปีที่ทำการละเมิดนั้นคดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันเข้ามาแย่งไถและหว่านข้าวทำนาอันเป็นการละเมิดในปี พ.ศ. 2520 ซึ่งโจทก์กล่าวไว้ชัดว่าเป็นการละเมิดคนละคราวต่างหากจากกัน (ทั้งในชั้นตรวจรับคำฟ้อง ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า การละเมิดในปีการทำนา พ.ศ. 2520 นับเป็นการกระทำต่อเนื่องเรื่อยมาจากการละเมิดในปีการทำนา พ.ศ. 2519 อันจะพึงถือได้ว่าเป็นการละเมิดคราวเดียวกัน) เมื่อเป็นการละเมิดต่างหากจากคดีก่อน ก็ไม่อาจถือได้ว่าเป็นคำฟ้องเรื่องเดียวกัน โจทก์ชอบที่จะฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งทำละเมิดขึ้นใหม่ต่างหากจากการละเมิดในคดีก่อนได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้รับฟ้องเกี่ยวกับจำเลยที่ 1ไว้พิจารณาด้วย