คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6459/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ที่ 2 ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตำรวจในครั้งแรกนั้นเจ้าพนักงานตำรวจรับแจ้งเฉพาะข้อหาทำร้ายร่างกายหากจำเลยได้กระชากสร้อยคอที่สวมอยู่ที่คอของโจทก์ที่ 2 ไปจริงโจทก์ที่ 2 ก็น่าจะยืนยันให้เจ้าพนักงานตำรวจรับแจ้งในข้อหาวิ่งราวทรัพย์ด้วย และสร้อยคอที่อ้างว่า จำเลยกระชากไปนั้นหนัก 2 บาท หากจำเลยกระชากสร้อยซึ่งสวมอยู่ที่คอโจทก์ที่ 2 ขาดติดมือไปจริงโจทก์ที่ 2 ก็น่าจะได้รับบาดเจ็บที่คอด้วย แต่ไม่ปรากฏว่ามีบาดแผลที่คอโจทก์ที่ 2 ตามเหตุผลและพฤติการณ์ดังกล่าวมาพยานหลักฐานของโจทก์ทั้งสองมีพิรุธสงสัยอันสมควรว่า จำเลยที่ 2 ได้กระชากสร้อยคอโจทก์ที่ 2 ไปหรือไม่ ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนศาลชั้นต้นรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันโดยให้เรียกโจทก์ในสำนวนแรกว่าโจทก์ที่ 2 เรียกโจทก์ในสำนวนหลังว่าโจทก์ที่ 1 และเรียกจำเลยทั้งสองสำนวนว่า จำเลย
สำนวนแรกโจทก์ที่ 2 ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีโจทก์ที่ 2 มีมูลให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา
สำนวนหลังโจทก์ที่ 1 ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91, 295, 336 ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาสร้อยคอทองคำเป็นเงิน 9,000 บาท แก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธทั้งสองสำนวน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา295, 336 (ที่ถูก 336 วรรคหนึ่ง) เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานทำร้ายร่างกายลงโทษจำคุก6 เดือน ฐานวิ่งราวทรัพย์ลงโทษจำคุก 1 ปี รวมลงโทษจำคุก 1 ปี6 เดือน ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาสร้อยคอทองคำเป็นเงิน 9,000 บาทแก่เจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้น อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า จำเลยมีความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์หรือไม่ เห็นว่า ตอนที่โจทก์ที่ 2 ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตำรวจในครั้งแรกนั้นเจ้าพนักงานตำรวจรับแจ้งเฉพาะข้อหาทำร้ายร่างกาย หากจำเลยได้กระชากสร้อยคอทองคำที่สวมอยู่ที่คอของโจทก์ที่ 2 ไปจริงโจทก์ที่ 2 ก็น่าจะยืนยันให้เจ้าพนักงานตำรวจรับแจ้งในข้อหานี้ไว้ด้วยโจทก์ที่ 2 ได้รับบาดเจ็บมีรอยฟกช้ำเฉพาะที่ขาเท่านั้น ไม่ปรากฏว่ามีบาดแผลที่คอแต่อย่างใด สร้อยคอที่อ้างว่าจำเลยกระชากไปนั้นหนัก 2 บาทหากจำเลยกระชากสร้อยซึ่งสวมอยู่ที่คอโจทก์ที่ 2 ขาดติดมือไปจริงโจทก์ที่ 2 ก็น่าจะได้รับบาดเจ็บที่คอด้วย ตามเหตุผลและพฤติการณ์ดังกล่าวมา พยานหลักฐานของโจทก์ทั้งสองมีข้อพิรุธสงสัยอันสมควรว่าจำเลยที่ 2 ได้กระชากสร้อยคอโจทก์ที่ 2 ไปหรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 227 วรรคสอง
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสอง

Share