แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจได้รับมอบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของทางราชการไว้ใช้ปฏิบัติหน้าที่ต่อมาได้นำอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวไปฝากไว้กับบุคคลอื่นและถูกคนร้ายลักเอาไปจำเลยไม่มีเจตนาทุจริตเบียดบังเอาทรัพย์ดังกล่าวเป็นของตนตามป.อ.มาตรา147และจำเลยมิได้เป็นผู้กระทำให้ทรัพย์นั้นสูญหายจึงไม่เป็นความผิดตามป.อ.มาตรา158.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 158กับขอให้จำเลยคืนอาวุธปืน ซองกระสุนปืน กระสุนปืน หรือใช้ราคา 5,060บาท แก่กรมตำรวจภายใน 30 วัน นับแต่ศาลพิพากษา
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147, 158 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษตาม มาตรา 147 ซึ่งเป็นบทหนัก ให้จำเลยคืนอาวุธปืน ซองกระสุนปืนกระสุนปืน หรือใช้ราคา 5,060 บาทแก่กรมตำรวจภายใน 30 วัน นับแต่ศาลพิพากษา
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจประจำอยู่สถานีตำรวจภูธรตำบลคลองใหม่ อำเภอยะรังจังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2518 นายดาบตำรวจบรรจงสัมฤทธิ์ผล หัวหน้าสถานีตำรวจภูธรตำบลคลองใหม่ได้สั่งให้จ่าสิบตำรวจเนื่อง วรรณลิวงศ์ จ่ายอาวุธปืนเล็กกล 05 นาโต หมายเลข 06474พร้อมด้วยซองกระสุนปืน 3 ซอง และกระสุนปืน 60 นัด ซึ่งใช้กับอาวุธปืนดังกล่าว รวมราคา 5,060 บาท อันเป็นทรัพย์สินของกรมตำรวจให้แก่จำเลยไว้ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายต่อมาวันที่ 1 กรกฎาคม 2522 นายดาบตำรวจบรรจงได้เรียกตรวจสอบอาวุธปืนที่จ่ายให้แก่จำเลยไป ปรากฏว่าจำเลยไม่สามารถนำอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่รับมอบหมายให้ดูแลรักษาไว้มาให้ตรวจสอบและนำมาคืนให้แก่ทางราชการได้ โดยเชื่อได้ว่าจำเลยได้นำอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของทางราชการที่ได้รับมอบหมายไว้ใช้ปฏิบัติหน้าที่ไปฝากนายแวสะมะแอ และถูกคนร้ายลักไป จำเลยหาได้มีเจตนาทุจริตเบียดบังเอาอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวเป็นของตนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 แต่อย่างใดไม่ และจำเลยมิได้เป็นผู้กระทำให้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวสูญหาย จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 158 ตามฎีกาของโจทก์ด้วยการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง
พิพากษายืน.