คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6425/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์นำค่าใช้จ่ายของสำนักงานใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ ณ เมืองฮ่องกงมาคำนวณเฉลี่ยเป็นรายจ่ายของสาขาทั่วโลก โดยคิดตามส่วนที่สาขาต่าง ๆ มีรายได้ สาขาในประเทศไทยก็นำรายจ่ายเหล่านั้นมาหักเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อคำนวณหากำไรสุทธิในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล เมื่อโจทก์ไม่สามารถพิสูจน์หรือแยกให้เห็นว่ารายจ่ายส่วนใดบ้างที่เป็นรายจ่ายเพื่อกิจการในประเทศไทยโดยเฉพาะ โจทก์จะเหมารายจ่ายเฉลี่ยดังกล่าวเป็นรายจ่ายเพื่อกิจการในประเทศไทยและนำมาหักค่าใช้จ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิหาได้ไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้พิพากษาเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์เลขที่119 ก./2532/1 ถึง 119 ง./2532/1 ลงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2532รวม 4 ฉบับ ที่ให้โจทก์ชำระค่าภาษีและเงินเพิ่มรวม 4 ปี เป็นเงินทั้งสิ้น 2,149,767.72 บาท กับเงินเพิ่มตามสำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมาย 4 เสีย และให้เพิกถอนการประเมินของจำเลยตามหนังสือแจ้งภาษีเงินได้นิติบุคคลรวม 4 ฉบับ ตามสำเนาเอกสารท้ายฟ้องหมาย 2เสียทั้งสิ้น และให้งดหรือลดเรียกเก็บเงินเพิ่มอัตราร้อยละ 20ในกรณีที่ศาลเห็นว่าโจทก์ต้องชำระค่าภาษีเพิ่มด้วย
จำเลยให้การว่า การที่เจ้าพนักงานประเมินและคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้พิจารณาและวินิจฉัยไม่ให้โจทก์นำเอาค่าบริการสำนักงานใหญ่มาหักเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ ชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “ค่าใช้จ่ายที่สำนักงานใหญ่เฉลี่ยมาให้สาขาในประเทศไทย จะนำไปหักเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อคำนวณหากำไรสุทธิของสาขาโจทก์ในประเทศไทยได้หรือไม่เห็นว่าค่าใช้จ่ายดังกล่าวซึ่งสำนักงานใหญ่ของโจทก์อยู่ที่เมืองฮ่องกง มีหน้าที่ควบคุม ดูแลการบริหารงานของสาขาทั่วโลก ได้เกิดรายจ่ายต่าง ๆ ขึ้นเพื่อประโยชน์แก่สาขาต่าง ๆ ทั่วโลก โดยไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ารายจ่ายต่าง ๆ เหล่านั้นเป็นประโยชน์กับสาขาใดจึงคิดหากฎเกณฑ์การเฉลี่ยรายจ่ายให้สาขาต่าง ๆ ตามส่วนที่สาขาต่าง ๆ มีรายได้ สำหรับสาขาในประเทศไทยก็นำรายจ่ายเหล่านั้นมาหักเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อคำนวณหากำไรสุทธิในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล การที่โจทก์จะมีสิทธิหักค่าใช้จ่ายได้หรือไม่เพียงใด ก็ต้องอาศัยประมวลรัษฎากรซึ่งมิได้กำหนดไว้ว่ารายจ่ายที่โจทก์เฉลี่ยมาให้สาขาในประเทศไทยให้ถือเป็นรายจ่ายที่ทำการหักเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ คงมีแต่มาตรา 65กำหนดว่า เงินได้ที่ต้องเสียภาษีคือกำไรสุทธิซึ่งคำนวณได้จากรายได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีหักด้วยรายจ่ายตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในมาตรา 65 ทวิ และ 65 ตรีในการคำนวณกำไรสุทธิ มาตรา 65 ทวิ กำหนดว่ารายการที่ระบุไว้ในมาตรา 65 ตรี ไม่ให้ถือเป็นรายจ่าย ในมาตรา 65 ตรี(14) กำหนดรายจ่ายซึ่งมิใช่รายจ่ายเพื่อกิจการในประเทศไทยโดยเฉพาะ ฉะนั้นรายจ่ายที่มิใช่รายจ่ายเพื่อกิจการในประเทศไทยโดยเฉพาะ กฎหมายไม่ยอมให้นำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ แต่ถ้าเป็นรายจ่ายเพื่อกิจการในประเทศไทยโดยเฉพาะโจทก์ย่อมนำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ ข้อสำคัญรายจ่ายเฉลี่ยของโจทก์จะถือเป็นรายจ่ายเพื่อกิจการในประเทศไทยโดยเฉพาะหรือไม่เพราะรายจ่ายที่โจทก์คิดเฉลี่ยให้สาขาต่าง ๆ ทั้งโลกรวมทั้งสาขาในประเทศไทยด้วย เมื่อมาคิดหักค่าใช้จ่ายในการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ก็ต้องใช้มาตรา 65 ตรี ในการคำนวณหากำไรสุทธิรายจ่ายตามที่โจทก์กล่าวอ้างในอุทธรณ์ข้อ 4(1)-(5) ซึ่งได้แก่เงินเดือน เบี้ยเลี้ยงพนักงานโจทก์สำนักงานใหญ่ ค่าใช้จ่ายของอาคารสำนักงานใหญ่ ค่าเครื่องเขียน แบบพิมพ์ ค่าตอบแทนกรรมการและผู้ตรวจสอบบัญชีของสำนักงานใหญ่นั้น ไม่มีรายจ่ายใดเป็นรายจ่ายเพื่อกิจการในประเทศไทยโดยเฉพาะ ทั้งตามฟ้องและข้อนำสืบของโจทก์ยอมรับว่ารายจ่ายดังกล่าวไม่สามารถระบุได้ว่าสาขาใดได้รับประโยชน์หรือเป็นค่าใช้จ่ายของสาขาใดโดยเฉพาะจึงได้อาศัยการคำนวณเฉลี่ยรายจ่ายของสาขาทั่วโลก โดยคิดตามรายได้ของแต่ละสาขา รวมทั้งสาขาในประเทศไทยด้วย จึงเห็นได้ชัดว่าค่าใช้จ่ายที่เฉลี่ยให้สาขาในประเทศไทยนั้นมิใช่ค่าใช้จ่ายเพื่อกิจการในประเทศไทยโดยเฉพาะเพียงแต่อาจจะมีส่วนหนึ่งที่เป็นรายจ่ายเพื่อกิจการในประเทศไทยโดยเฉพาะ เมื่อโจทก์ไม่สามารถพิสูจน์หรือแยกให้เห็นว่ารายจ่ายส่วนใดบ้างที่เป็นรายจ่ายเพื่อกิจการในประเทศไทยโดยเฉพาะ โจทก์จะเหมาเป็นรายจ่ายเพื่อกิจการในประเทศไทยทั้งหมดและนำมาหักค่าใช้จ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิหาได้ไม่…”
พิพากษายืน.

Share