แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจัดทำบัญชีแสดงการรับจ่ายเงินแล้วเสร็จ และได้โอนเงินของจำเลยที่เหลือ ตามที่โจทก์ในคดีนี้ขออายัดมาไว้ในคดีนี้เมื่อภายหลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 2 เด็ดขาดและเพิ่งมีการส่งทรัพย์สินตามที่อายัดไว้เมื่อเวลาภายหลังที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 2 แล้ว ดังนี้ เมื่อการบังคับคดีแพ่งเรื่องนี้ยังไม่สำเร็จบริบูรณ์ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 2จึงใช้ยันแก่ จ.พ.ท.ของจำเลยที่ 2 ไม่ได้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 110 จ.พ.ท.จึงมีอำนาจจัดการเงินที่เหลือดังกล่าวรวมเข้าไปไว้ในกองทรัพย์สินของลูกหนี้ได้ โจทก์คดีนี้จะขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีสั่งให้โอนเงินที่ส่งมาตามที่อายัดไปไว้ในกองทรัพย์สิน ของจำเลยที่ 2 ในคดีล้มละลายหาได้ไม่
ย่อยาว
กรณีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระหนี้แก่โจทก์ จำเลยทั้งสามผิดนัดไม่ชำระโจทก์ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาแล้ว คดียังอยู่ระหว่างการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดี
โจทก์ยื่นคำร้องว่า โจทก์พบว่าทรัพย์สินของจำเลยที่ 2ถูกยึดในคดีหมายเลขแดงที่ 705/2525 ของศาลชั้นต้นและขายทอดตลาดเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2533 ได้เงิน5,000,000 บาท และไม่มีเจ้าหนี้รายใดร้องขอเฉลี่ยทรัพย์โจทก์ได้ยื่นคำร้องขออายัดเงินที่เหลือจากชำระแก่เจ้าหนี้แล้วซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีได้มีหนังสือแจ้งอายัดไปยังเจ้าพนักงานบังคับคดีของคดีดังกล่าว ขอให้โอนเงินที่เหลือจากการชำระหนี้เข้ามาไว้ในคดีนี้ ต่อมากรมสรรพากรได้ฟ้องจำเลยที่ 2เป็นบุคคลล้มละลาย ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 2เด็ดขาดเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2536 เจ้าพนักงานบังคับคดีของคดีหมายเลขแดงที่ 7.5/2525 จัดทำบัญชีแสดงรายการรับจ่ายเงินเสร็จเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2538 โดยให้โจทก์ในคดีดังกล่าวได้รับชำระหนี้ครบถ้วน และมีคำสั่งให้โอนเงินที่เหลือจากการชำระแก่เจ้าหนี้จำนวน 1,828,455.88 บาทมาไว้ในคดีนี้ตามที่โจทก์ขออายัด ต่อมาเมื่อวันที่15 มิถุนายน 2538 โจทก์ยื่นคำแถลงขอรับเงินโอนมาดังกล่าวเพื่อรับชำระหนี้ แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีมีหนังสือแจ้งว่าได้ยกคำแถลงของโจทก์เนื่องจากจำเลยที่ 2 ถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก่อนการบังคับคดีจะสำเร็จบริบูรณ์จึงไม่อาจให้โจทก์รับเงินส่วนที่เหลือของจำเลยที่ 2 ได้และได้โอนเงินไปไว้ในคดีล้มละลายแล้ว ขอให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดีดังกล่าวและให้จ่ายเงินตามที่ขออายัดไว้แก่โจทก์
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดีชอบแล้ว มีคำสั่งยกคำร้องของโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าโจทก์มีสิทธิขอให้ยกเลิกคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่สั่งให้โอนเงินที่ส่งมาตามที่อายัดไปไว้ในกองทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 ในคดีล้มละลายหรือไม่ เห็นว่าตามคำร้องโจทก์เจ้าพนักงานบังคับคดีของคดีหมายเลขแดงที่ 705/2525ของศาลชั้นต้นจัดทำบัญชีแสดงการรับจ่ายเงินแล้วเสร็จ ได้โอนเงินที่เหลือจำนวน 1,828,455.88 บาท ตามที่โจทก์ขออายัดมาไว้ในคดีนี้เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2538 แต่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 2 เด็ดขาดในคดีหมายเลขแดงที่ ล.83/2536ของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2536 การบังคับคดีนี้เพิ่งจะมีการส่งทรัพย์สินตามที่อายัดไว้เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2538เป็นเวลาภายหลังที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 2 แล้วการบังคับคดีนี้จึงยังไม่สำเร็จบริบูรณ์ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 2 จะใช้ยันแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 2 ไม่ได้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 110 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจจัดการเงินที่เหลือดังกล่าวรวมเข้าไปไว้ในกองทรัพย์สินของลูกหนี้คำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ยกคำแถลงขอรับเงินของโจทก์ แล้วสั่งให้โอนเงินที่ส่งมาตามที่อายัดไปไว้ในกองทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 ในคดีล้มละลายนั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน