คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6395/2546

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นนัดชี้สองสถานวันที่ 16 พฤศจิกายน 2542 ถึงวันนัดทนายความโจทก์ก็ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นเลื่อนการชี้สองสถานไปวันที่ 7 ธันวาคม 2542 เมื่อศาลชั้นต้นชี้สองสถานแล้วกำหนดให้นัดสืบพยานโจทก์วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2543 โจทก์ก็เพิ่งยื่นบัญชีระบุพยานวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2543 อันเป็นการยื่นบัญชีระบุพยานหลังวันชี้สองสถานถึงสองเดือนเศษ โดยคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานของโจทก์อ้างแต่เพียงว่า โจทก์เข้าใจว่าได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้วโดยความจริงยังไม่ปรากฏว่ามีการยื่นบัญชีระบุพยานดังที่โจทก์อ้างความเข้าใจผิดของโจทก์ดังกล่าวไม่เป็นเหตุอันสมควรที่โจทก์ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดเวลาที่ข้อกำหนดคดีภาษีอากร พ.ศ.2539 ข้อ 10 กำหนดไว้ได้ การที่ศาลชั้นต้นยกคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานของโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า การประเมินภาษีของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นชี้สองสถานวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๔๒ และนัดสืบพยานโจทก์วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ ต่อมาก่อนถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานของโจทก์ตามคำร้องลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการแรกว่า ศาลชั้นต้นมี คำสั่งยกคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานของโจทก์นั้นเป็นการชอบหรือไม่ เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๒๐ และข้อกำหนดคดีภาษีอากร พ.ศ. ๒๕๓๙ ข้อ ๖๐ ซึ่งใช้บังคับอยู่ในขณะโจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ ได้กำหนดให้คู่ความยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน เมื่อระยะเวลาที่กำหนดให้ยื่นบัญชีระบุพยานดังกล่าวได้สิ้นสุดลงแล้ว ถ้าคู่ความซึ่งมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานแสดงให้เป็นที่พอใจ แก่ศาลได้ว่ามีเหตุอันควรที่ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดเวลานั้นได้ คู่ความดังกล่าวนั้นอาจยื่นคำร้องพร้อมทั้งบัญชีระบุพยานไม่ว่าเวลาใด ๆ ก่อนพิพากษาคดีขออนุญาตอ้างพยานหลักฐานเช่นว่านั้น คดีนี้ ข้อเท็จจริงปรากฏตามสำนวนว่า ศาลชั้นต้นนัดชี้สองสถานครั้งแรกวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ แต่ถึงวันนัดทนายความโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นได้เลื่อนการชี้สองสถานให้โดยนัดในวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๔๒ ครั้นเมื่อศาลชั้นต้นชี้ สองสถานและกำหนดให้นัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ โจทก์เพิ่งยื่นบัญชีระบุพยานในวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ อันเป็นการยื่นบัญชีระบุพยานหลังวันชี้สองสถานถึง ๒ เดือนเศษ ในเมื่อคำร้องขอยื่นบัญชี ระบุพยานของโจทก์ก็อ้างเพียงว่า โจทก์เข้าใจว่าได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว โดยความจริงยังไม่ปรากฏว่ามีการ ยื่นบัญชีระบุพยานดังอ้าง ความเข้าใจผิดของโจทก์ดังกล่าวย่อมไม่อาจรับฟัง เป็นเหตุอันสมควรที่โจทก์ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนดได้ ที่ศาลชั้นต้นยกคำร้องขอระบุพยานของโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว และเมื่อโจทก์มีภาระพิสูจน์ในประเด็นข้อพิพาทตามคำฟ้องซึ่งศาลชั้นต้นชี้สองสถานไว้ว่า การประเมินภาษีอากรของเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ ๑ และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามฟ้อง ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ แต่โจทก์ไม่มีพยานนำสืบพิสูจน์ตามข้อกล่าวอ้าง กรณีจึงต้องฟังว่าการประเมินภาษีอากรของเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ ๑ และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ ๓๐,๐๐๐ บาท แทนจำเลยทั้งสี่

Share