คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 621/2546

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

สำเนาตารางกรมธรรม์ต้องห้ามมิให้รับฟังตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93 ทั้งจำเลยก็ได้ต่อสู้ในคำให้การไว้ว่าโจทก์มิได้รับประกันภัยรถยนต์ แสดงว่าจำเลยได้โต้แย้งคัดค้านความถูกต้องแท้จริงของสำเนาตารางกรมธรรม์แล้ว จึงรับฟังไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์รับประกันภัยรถยนต์ คันหมายเลขทะเบียน 2 ฝ – 6238 กรุงเทพมหานคร จากนายสมใจ บุญโสภา เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2539 จำเลยที่ 1 ในฐานะลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยที่ 2 ได้ขับรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน 81 – 1087 นครราชสีมาไป ในทางการที่จ้างหรือวานใช้ของจำเลยที่ 2 ชนรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไว้เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหายและผู้โดยสารในรถยนต์คันดังกล่าวถึงแก่ความตายและบาดเจ็บหลายคน โจทก์นำรถที่รับประกันภัยดังกล่าวซ่อมแซมเป็นเงิน250,000 บาท และชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถคันที่โจทก์รับประกันภัยเป็นเงิน 185,732 บาท รวมเป็นเงิน 435,732 บาท คิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่โจทก์รับช่วงสิทธิถึงวันฟ้องเป็นเงินจำนวน10,447 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินให้โจทก์จำนวน446,179 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงินจำนวน 435,732 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จ

จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ไม่ได้รับประกันภัยรถยนต์คันหมายเลขทะเบียนตามฟ้อง จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินให้โจทก์จำนวน405,732 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ศาลฎีกาเห็นสมควรยกปัญหาตามฎีกาของจำเลยทั้งสองที่ว่าโจทก์รับประกันภัยรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 2 ฝ – 6238 กรุงเทพมหานคร หรือไม่ขึ้นวินิจฉัยก่อน ในปัญหาดังกล่าวโจทก์มีนายสมชาย น้อยถึงผู้รับมอบอำนาจช่วงให้ฟ้องจำเลยทั้งสองเบิกความเป็นพยานว่า พยานเป็นทนายความมีหน้าที่รวบรวมเอกสารดำเนินคดี โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียน2 ฝ – 6238 กรุงเทพมหานคร จากนายสมใจ บุญโสภา ตามสำเนาตารางกรมธรรม์เอกสารหมาย จ.4 และเบิกความตอบคำถามค้านทนายจำเลยทั้งสองว่าเอกสารหมายจ.4 เป็นเพียงสำเนาเอกสาร ส่วนต้นฉบับไม่ได้อ้างส่งศาลและไม่ได้ส่งต้นฉบับและสำเนาให้แก่จำเลย เห็นว่า นายสมชายเป็นทนายความมีหน้าที่เพียงรวบรวมเอกสารดำเนินคดีไม่ปรากฏว่านายสมชายได้รู้เห็นในการที่โจทก์รับประกันรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน2 ฝ – 6238 กรุงเทพมหานคร และทำกรมธรรม์ประกันภัยตามสำเนาตารางกรมธรรม์เอกสารหมาย จ.4 ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93 บัญญัติว่าการอ้างเอกสารเป็นพยานนั้น ให้ยอมรับฟังได้แต่ต้นฉบับเอกสารเท่านั้น เว้นแต่

(1) เมื่อคู่ความที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายตกลงกันว่า สำเนาเอกสารนั้นถูกต้องแล้วจึงให้ศาลยอมรับฟังสำเนาเช่นว่านั้นเป็นพยานหลักฐานแห่งเอกสารนั้นได้

(2) ถ้าต้นฉบับเอกสารหาไม่ได้ เพราะสูญหายหรือถูกทำลายโดยเหตุสุดวิสัยหรือไม่สามารถนำต้นฉบับมาได้โดยประการอื่นศาลจะอนุญาตให้สำเนาหรือพยานบุคคลมาสืบก็ได้

(3) ต้นฉบับเอกสารที่อยู่ในความอารักขาหรือในความควบคุมของทางราชการนั้นจะนำมาแสดงได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตของรัฐมนตรี หัวหน้ากรม กอง หัวหน้าแผนกหรือผู้รักษาการแทนในตำแหน่งนั้น ๆ ที่เกี่ยวข้องแล้วแต่กรณีเสียก่อน อนึ่ง นอกจากศาลจะได้กำหนดเป็นอย่างอื่น สำเนาเอกสารหรือข้อความที่คัดจากเอกสารเหล่านั้น ซึ่งรัฐมนตรีหัวหน้ากรม กอง หัวหน้าแผนกหรือผู้รักษาการแทนในตำแหน่งนั้น ๆ ได้รับรองถูกต้องแล้วให้ถือว่าเป็นอันเพียงพอในการที่จะนำมาแสดง สำเนาตารางกรมธรรม์เอกสารหมาย จ.4จึงต้องห้ามมิให้รับฟัง เพราะไม่ต้องด้วยกรณีข้อยกเว้นดังกล่าวซึ่งจำเลยทั้งสองได้ต่อสู้ในคำให้การไว้โดยแจ้งชัดว่า โจทก์มิได้รับประกันภัยรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 2 ฝ – 6238 กรุงเทพมหานคร มิใช่จำเลยทั้งสองรับรองว่ามีการประกันภัยรถยนต์คันหมายเลขทะเบียนดังกล่าว ทั้งการที่นายสมชายเบิกความตอบคำถามค้านทนายจำเลยทั้งสองยอมรับว่า เอกสารหมาย จ.4 เป็นเพียงสำเนาหมาย จ.4 แล้ว เมื่อโจทก์มีเพียงนายสมชายที่มิได้รู้เห็นในการที่โจทก์รับประกันภัยรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 2 ฝ – 6238 กรุงเทพมหานคร เบิกความประกอบสำเนาตารางกรมธรรม์เอกสารหมายจ.4 จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่า โจทก์รับประกันภัยรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 2 ฝ – 6238 กรุงเทพมหานคร คดีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยทั้งสองในปัญหาอื่น ๆอีก ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังขึ้น”

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share