คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6395/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดฐานรับของโจรทรัพย์ที่ถูกยักยอกจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อจำเลยกระทำหลังจากความผิดฐานยักยอกได้เกิดขึ้นแล้วโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดฐานรับของโจรรถยนต์กระบะของโจทก์ร่วมเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2528 โดยรถยนต์กระบะดังกล่าวเป็นทรัพย์ที่ ย. ยักยอกจากโจทก์ร่วมเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2530เป็นการฟ้องกล่าวหาว่า จำเลยได้กระทำความผิดฐานรับของโจรรถยนต์กระบะของโจทก์ร่วมก่อนที่รถยนต์กระบะนั้นถูก ย. ยักยอกไปการกระทำของจำเลยที่โจทก์บรรยายมาในคำฟ้องจึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดฐานรับของโจร

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2528 เวลากลางวัน จำเลยรับซื้อไว้ช่วยซ่อนเร้น และช่วยพาเอาไปเสีย ซึ่งรถยนต์กระบะของบริษัทโตโยต้านครสวรรค์ ผู้จำหน่ายโตโยต้า (1981) จำกัดผู้เสียหายเพื่อค้ากำไร โดยจำเลยรับไว้จากนายย้อย สังข์ตรีเศียรซึ่งได้ยักยอกรถยนต์กระบะดังกล่าวจากผู้เสียหายโดยทุจริตเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2530 เวลากลางวัน โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานยักยอก ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคสอง และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 186,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 วรรคสอง ลงโทษจำคุก 5 ปี และให้จำเลยคืนรถยนต์หรือใช้ราคา 186,000 บาท แก่โจทก์ร่วม
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ตามคำฟ้องของโจทก์ที่บรรยายว่าจำเลยได้กระทำความผิดฐานรับของโจรรถยนต์กระบะของโจทก์ร่วมเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2528 โดยรถยนต์กระบะดังกล่าวเป็นทรัพย์ที่นายย้อย สังข์ตรีเศียร ยักยอกจากโจทก์ร่วมโดยทุจริตเมื่อวันที่29 ตุลาคม 2530 นั้น เป็นการฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยได้กระทำความผิดฐานรับของโจร รถยนต์กระบะของโจทก์ร่วมก่อนที่รถยนต์กระบะนั้นถูกนายย้อยยักยอกเอาไป ซึ่งการกระทำของจำเลยในกรณีเช่นนี้จะเป็นความผิดฐานรับของโจรได้ก็ต่อเมื่อจำเลยกระทำหลังจากความผิดฐานยักยอกได้เกิดขึ้นแล้วเท่านั้น การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์บรรยายมาในคำฟ้องจึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดฐานรับของโจร
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

Share