แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
คดีก่อนมีประเด็นแห่งคดีว่า โจทก์ฟ้องขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวมตามที่โจทก์และจำเลยแต่ละคนจะได้รับซึ่งระบุไว้ในฟ้องและแผนที่การครอบครองที่ดิน ส่วนคดีนี้มีประเด็นแห่งคดีว่าโจทก์ฟ้องขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวมตามส่วนในบันทึกและแผนที่การรังวัดที่ได้ตกลงกันขึ้นใหม่ ซึ่งบันทึกและแผนที่การรังวัดที่ได้ตกลงกันขึ้นใหม่ก็คือส่วนที่โจทก์และจำเลยแต่ละคนได้รับซึ่งระบุไว้ในฟ้องและแผนที่การครอบครองที่ดินในคดีก่อนที่ศาลได้พิพากษาตามยอมไปแล้วนั่นเอง หาใช่เป็นคนละเหตุไม่ เมื่อคำพิพากษาตามยอมในคดีก่อนระบุไว้ชัดเจนว่าให้แบ่งตามส่วนที่แต่ละคนจะได้รับตามที่ระบุไว้ในฟ้องและแผนที่การครอบครองที่ดินแล้ว คดีนี้จะเบี่ยงเบนเป็นว่าให้แบ่งตามบันทึกข้อตกลงและแผนที่การรังวัดที่ทำขึ้นใหม่โดยที่ฝ่ายจำเลยคดีนี้ไม่ยอมด้วยหาได้ไม่ คดีนี้จึงมีประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับในคดีก่อน จึงเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสี่และจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันยื่นคำขอแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดเลขที่ 1485 จำนวนเนื้อที่8 ไร่ 2 งาน 60 ตารางวา ตามสำเนาบันทึกข้อตกลงแบ่งกรรมสิทธิ์รวมและบันทึกถ้อยคำเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 และ 2 หลังจากยื่นคำขอแล้วโจทก์ทั้งสี่และจำเลยทั้งสามนำช่างรังวัดไปรังวัดแบ่งแยกที่ดินตามคำขอออกเป็น 7 แปลง ตามสำเนารูปแผนที่เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3 แต่เมื่อการรังวัดเสร็จสิ้น จำเลยที่ 1 กลับไม่ยอมส่งมอบโฉนดที่ดินเลขที่ดังกล่าวให้แก่เจ้าพนักงานที่ดินและจำเลยทั้งสามไม่ยอมไปจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินตามที่ตกลงไว้ขอบังคับให้จำเลยที่ 1 ส่งมอบโฉนดที่ดินเลขที่ 1485 ตำบลห้วยเขนอำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร ให้แก่เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดพิจิตร สาขาตะพานหิน เพื่อดำเนินการจดทะเบียนและให้จำเลยทั้งสามไปจดทะเบียนแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมที่ดินแปลงนี้ภายใน 7 วัน มิฉะนั้นให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสาม
จำเลยทั้งสามให้การว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า โจทก์และจำเลยคดีนี้เป็นโจทก์และจำเลยในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 895/2534ของศาลชั้นต้น และที่ดินพิพาทในคดีนี้และคดีดังกล่าวก็เป็นที่ดินแปลงเดียวกันคือที่ดินโฉนดเลขที่ 1485 ตำบลห้วยเขน อำเภอบางมูลนากจังหวัดพิจิตร ซึ่งคดีดังกล่าวศาลได้พิพากษาตามยอมแล้ว คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 895/2534 หรือไม่ โดยโจทก์อุทธรณ์ว่าคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 895/2534 โจทก์ฟ้องขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวมตามส่วนของตนซึ่งศาลก็พิพากษาตามยอมให้แบ่งตามฟ้อง แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวมตามบันทึกข้อตกลงแบ่งกันใหม่ ประเด็นแห่งคดีจึงมิได้อาศัยเหตุอย่างเดียวกัน คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีดังกล่าวนั้น เห็นว่า ประเด็นแห่งคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 895/2534ก็คือโจทก์ฟ้องขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวมตามส่วนที่โจทก์และจำเลยแต่ละคนจะได้รับซึ่งระบุไว้ในฟ้องและแผนที่การครอบครองที่ดินท้ายฟ้องหมายเลข 2 และประเด็นแห่งคดีนี้ก็คือโจทก์ฟ้องขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวมตามส่วนในบันทึกและแผนที่การรังวัดที่ได้ตกลงกันขึ้นใหม่ท้ายฟ้องหมายเลข 1 ถึง 3 ซึ่งบันทึกและแผนที่การรังวัดที่ได้ตกลงกันขึ้นใหม่ ก็คือส่วนที่โจทก์และจำเลยแต่ละคนจะได้รับซึ่งระบุไว้ในฟ้องและแผนที่การครอบครองที่ดินท้ายฟ้องคดีก่อนที่ศาลได้พิพากษาตามยอมไปแล้วนั่นเอง หาใช่เป็นคนละเหตุไม่เมื่อคำพิพากษาตามยอมในคดีก่อนระบุไว้ชัดเจนว่าให้แบ่งตามส่วนที่แต่ละคนจะได้รับตามที่ระบุไว้ในฟ้องและแผนที่การครอบครองที่ดินท้ายฟ้องแล้ว คดีนี้จะเบี่ยงเบนเป็นว่าให้แบ่งตามบันทึกข้อตกลงและแผนที่การรังวัดท้ายฟ้องที่ทำขึ้นใหม่ โดยที่ฝ่ายจำเลยคดีนี้ไม่ยอมด้วยหาได้ไม่ ดังนั้นประเด็นแห่งคดีนี้จึงเป็นประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับในคดีก่อนฟ้องคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 895/2534 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148”
พิพากษายืน