แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1114 ที่ได้บัญญัติห้ามมิให้ผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นฟ้องร้องขอให้ศาลเพิกถอนการที่ตนได้เข้าชื่อซื้อ โดยยกเหตุว่าสำคัญผิดหรือต้องข่มขู่หรือถูกลวงล่อฉ้อฉลนั้น ห้ามเฉพาะในกรณีที่ฟ้องร้องกันในทางแพ่งเท่านั้น มิได้มีผลห้ามมิให้ผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นฟ้องในคดีอาญาฐานฉ้อโกง ฉะนั้น ผู้เสียหายหรือพนักงานอัยการ ในเมื่อมีการร้องทุกข์ จึงมีอำนาจดำเนินคดีกับจำเลยได้
ย่อยาว
คดีทั้งสองสำนวน ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกัน
โจทก์ฟ้องทั้งสองสำนวนมีข้อความทำนองเดียวกันว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันฉ้อโกงประชาชนขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๑, ๓๔๓, ๘๓ ให้จำเลยร่วมกันคืนเงิน ๑๔๑, ๗๐๐ บาท และโฉนดส.ค.๑ (ในสำนวนแรก) และคืนเงิน ๙,๘๕๐ บาท และ ส.ค.๑ (ในสำนวนที่ ๒)ให้ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ ๒ ถึงแก่กรรม ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ ๒
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๑, ๓๔๓, ๘๓ ให้จำคุกจำเลยที่ ๑ ทั้งสองสำนวนรวมกันมีกำหนด ๓ ปีให้คืนเงิน ๑๔๑,๗๐๐ บาท และโฉนดส.ค.๑ และเงิน ๙,๘๕๐ บาท ส.ค.๑ให้ผู้เสียหาย
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกา (ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑, ๓๔๓) วินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าเมื่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๑๑๔ ห้ามมิให้ผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นฟ้องร้องขอให้ศาลเพิกถอนการที่ตนได้เข้าชื่อซื้อ โดยยกเหตุว่าสำคัญผิดหรือต้องข่มขู่ หรือถูกลวงล่อฉ้อฉล ย่อมมีผลห้ามมิให้ผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นฟ้องว่าถูกหลอกลวงในคดีอาญาด้วยนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่าบทกฎหมายดังกล่าวบัญญัติห้ามเฉพาะกรณีที่ฟ้องร้องกันในทางแพ่งแต่ในกรณีที่เกิดขึ้นในทางอาญา ผู้เสียหายหรือพนักงานอัยการในเมื่อมีการร้องทุกข์มีอำนาจดำเนินคดีกับจำเลยได้
พิพากษายืน