คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1676-1677/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดี 2 สำนวน ทั้งโจทก์และจำเลยจะต่างคนกัน ทั้งสองสำนวนแต่เป็นเรื่องกรณีเดียวกัน แม้ศาลสืบพยานแต่ละสำนวนกัน ก็พิพากษารวมกันได้ตามอำนาจใน ป.ม.วิ.อาญามาตรา 15 ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 28
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการในการจัดให้มีการเล่นการพะนันโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อปรากฎว่าเป็นเพียงผู้ทำไพ่ และคนไพ่อันเป็นการอุปการะแก่การกระทำผิดรายนี้ศาลก็ย่อมลงโทษฐานสมรู้ได้ตามนัยฎีกาที่ 205/2483 , 214/2484

ย่อยาว

คดี ๒ เรื่องนี้ ศาลชั้นต้นได้สืบพยานแต่ละสำนวนเสร็จแล้ว จึงพิพากษารวมกัน
คดีแรก โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยทั้ง ๒ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่แกล้งยึดใบอนุญาตให้มีการเล่นไพ่ผ่องไทยของโจทก์ และไม่ยอมคืนให้โจทก์โดยไม่มีอำนาจ ขอให้ลงโทษ
สำนวนที่ ๒ อัยการโจทก์ฟ้องจำเลยหาว่าได้รับอนุญาตให้เล่นไพ่ผ่องไทยกันตั้งแต่เวลา ๑๒ น.แต่ได้เล่นกันก่อนกำหนด โดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องสำนวนแรก ส่วนสำนวนที่ ๒ ลงโทษจำเลยตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ฉะเพาะนางง้อจำเลยที่ ๑ ว่ามีผิดเพียงสมรู้ ไม่ใช่ตัวการ นอกนั้นยืน
นายเนี้ยคิ้มโจทก์กับนางง้อกับพวกจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าป.ม.วิ.อาญามาตรา ๑๕ ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา๒๘ ให้อำนาจศาลที่จะพิจารณาพิพากษาคดีรวมกันได้ ที่ศาลล่างทั้ง ๒ พิพากษาคดี ๒ สำนวนนี้รวมกันมาจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ส่วนคดีเฉพาะตัวนางง้อ ศาลชั้นต้นลงโทษฐานเป็นตัวการ ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดว่า เป็นผู้สมรู้ในองค์ความผิดอันเดียวกัน ศาลย่อมลงโทษนางง้อจำเลยได้ตามนัยแห่งฎีกาที่ ๒๐๕/๒๔๘๓,๒๑๔/๒๔๘๔
จึงพิพากษายืน

Share