คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6393/2550

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โฉนดที่ดินพิพาทมีชื่อจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของ การที่โจทก์ฟ้องอ้างว่า น. ไปขอรับมรดกที่ดินทั้งหมดเป็นของ น. แต่เพียงผู้เดียวเป็นการไม่ชอบ ย่อมเป็นการฟ้องเรียกร้องให้ได้ทรัพย์พิพาทคืนมาเป็นกรรมสิทธิ์ของ อ. ทายาทที่มีสิทธิรับมรดกอีกคนหนึ่ง ซึ่งหากศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี ย่อมมีผลทำให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์กึ่งหนึ่งในที่ดินพิพาท เนื่องจากโจทก์เป็นผู้รับโอนสิทธิมาจาก อ. จึงเป็นคดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 8675 เป็นของนางจวน เขียนทอง กับบุคคลอื่น ต่อมานางจวนถึงแก่ความตาย ที่ดินส่วนของนางจวนตกเป็นมรดกแก่นางแน้ม จันทร์ประเสริฐ และนางอรุณ แซ่อุน ในฐานะทายาทโดยธรรมแต่ละคนได้รับส่วนแบ่งเท่าๆ กัน แต่นางแน้มไปขอรับโอนมรดกแต่ผู้เดียวโดยใส่ชื่อนางแน้มลงในโฉนดที่ดิน ต่อมานางแน้มได้รังวัดออกโฉนดใหม่เป็นโฉนดเลขที่ 17372 และ 43248 และจดทะเบียนโอนให้แก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งเป็นบุตรของนางแน้ม การที่นางแน้มรับโอนทรัพย์มรดกดังกล่าวเป็นของตนแต่ผู้เดียวเป็นไปโดยมิชอบ โจทก์จึงฟ้องให้จำเลยทั้งสองในฐานะผู้สืบสิทธิจากนางแน้มแบ่งที่ดินส่วนของนางอรุณให้แก่โจทก์ เนื่องจากนางอรุณได้โอนสิทธิที่มีอยู่ในที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์แล้ว โจทก์ได้มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยทั้งสองแบ่งที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวให้แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองแบ่งที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวให้โจทก์กึ่งหนึ่งและหากตกลงแบ่งไม่ได้ขอให้ตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดเพื่อนำออกขายทอดตลาดแล้วเอาเงินที่ขายได้แบ่งกันตามส่วน
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วเห็นว่า ฟ้องโจทก์เป็นกรณีเรื่องฟ้องทายาทให้แบ่งทรัพย์มรดกซึ่งเป็นคดีมีทุนทรัพย์แต่โจทก์เสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ จึงมีคำสั่งให้โจทก์เสนอราคาประเมินที่ดินแต่ละแปลงที่โจทก์เรียกร้องว่ามีราคาเท่าใดแล้วเสนอศาลเพื่อกำหนดเป็นทุนทรัพย์คดีนี้ และเสียค่าขึ้นศาลให้ถูกต้องภายใน 15 วัน แล้วจึงพิจารณาสั่งคำฟ้อง
โจทก์ยื่นคำร้องว่า โจทก์ฟ้องขอแบ่งที่ดินอันเป็นการฟ้องโดยอาศัยสิทธิตามมาตรา 1364 จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันมิอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ขอศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งที่ไม่ชอบดังกล่าว แล้วมีคำสั่งรับฟ้องโจทก์ต่อไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ให้ยกคำร้อง
โจทก์ยื่นคำแถลงยืนยันว่า คดีนี้เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ โจทก์ชำระค่าขึ้นศาลครบถ้วนแล้วและจะไม่ชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มตามคำสั่งศาล โดยโจทก์ขอสละประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาในการวางเงินค่าขึ้นศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ยื่นคำแถลงว่าไม่ประสงค์จะชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มตามคำสั่งศาล จึงมีคำสั่งไม่รับฟ้อง คืนค่าขึ้นศาลให้โจทก์
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า คดีของโจทก์เป็นคดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้หรือไม่ โจทก์ฟ้องว่าที่ดินพิพาททั้งสองแปลงเป็นของนางจวน เขียนทอง ต่อมานางจวนถึงแก่ความตาย ที่ดินพิพาทตกเป็นมรดกแก่นางแน้ม จันทร์ประเสริฐ และนางอรุณ แซ่อุน ในฐานะทายาทโดยธรรมโดยแต่ละคนได้รับส่วนแบ่งเท่าๆ กัน แต่นางแน้มไปขอรับโอนมรดกแต่ผู้เดียวโดยใส่ชื่อนางแน้มลงในโฉนดที่ดิน ต่อมานางแน้มได้รังวัดออกโฉนดใหม่และจดทะเบียนโอนให้แก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งเป็นบุตรของนางแน้ม การที่นางแน้มรับโอนทรัพย์มรดกดังกล่าวเป็นของตนแต่ผู้เดียวเป็นไปโดยมิชอบโจทก์ จึงฟ้องให้จำเลยทั้งสองในฐานะผู้สืบสิทธิจากนางแน้มแบ่งที่ดินส่วนของนางอรุณให้แก่โจทก์เนื่องจากนางอรุณได้โอนสิทธิที่มีอยู่ในที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์แล้ว ที่โจทก์อุทธรณ์ว่าคดีโจทก์เป็นคดีที่ฟ้องขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวม จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์นั้น เห็นว่า โฉนดที่ดินพิพาทตามเอกสารท้ายฟ้องมีชื่อจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของ การที่โจทก์ฟ้องอ้างว่านางแน้มไปขอรับมรดกที่ดินทั้งหมดเป็นของนางแน้มแต่เพียงผู้เดียวเป็นการไม่ชอบ ย่อมเป็นการฟ้องเรียกร้องให้ได้ทรัพย์พิพาทคืนมาเป็นกรรมสิทธิ์ของนางอรุณทายาทที่มีสิทธิรับมรดกอีกคนหนึ่ง ซึ่งหากศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีย่อมมีผลทำให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์กึ่งหนึ่งในที่ดินพิพาท เนื่องจากโจทก์เป็นผู้รับโอนสิทธิมาจากนางอรุณ คดีของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ เป็นคดีมีทุนทรัพย์ หาใช่เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ดังที่โจทก์กล่าวอ้างไม่ คำพิพากษาศาลฎีกาที่โจทก์แนบมาท้ายอุทธรณ์มีข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับคำฟ้องของโจทก์เนื่องจากโจทก์เสียค่าขึ้นศาลไม่ถูกต้องนั้น เป็นการชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share