คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2492/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามคำฟ้องโจทก์มิได้กล่าวอ้างหรือแสดงว่าจำเลยที่ 3 รับประกันภัยรถยนต์พิพาทไว้ในลักษณะประกันภัยค้ำจุน ซึ่งจำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยตกลงจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัย เพื่อความวินาศภัยอันเกิดขึ้นแก่บุคคลอีกคนหนึ่ง และซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบ ฟ้องโจทก์จึงขาดสารสำคัญอันเป็นมูลที่จะให้จำเลยที่ 3 ต้องรับผิด จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องร่วมรับผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ ขับรถของจำเลยที่ ๒ โดยประมาทชนรถยนต์ของโจทก์เสียหาย จำเลยที่ ๓ ประกันภัยรถยนต์จำเลยที่ ๒ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหาย
จำเลยที่ ๑ ให้การว่ามิใช่ลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๑ ได้ยืมรถยนต์ของจำเลยที่ ๒ ไปใช้ส่วนตัว ทั้งจำเลยที่ ๑ ไม่ได้ประมาท ความเสียหายเกินความจริง
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ ไม่ใช่ลูกจ้าง และมิได้ขับรถในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๒ หากแต่ยืมรถไปใช้ส่วนตัว จำเลยที่ ๑ ไม่ได้ประมาท ความเสียหายไม่มากดังฟ้อง
จำเลยที่ ๓ ให้การว่า ไม่รับรองว่าจำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๓ มิได้ประกันภัยรถยนต์จำเลยที่ ๒ หากฟังว่าจำเลยที่ ๓ รับประกันภัยก็ไม่ต้องรับผิด เพราะผู้เอาประกันภัยนำรถไปใช้ผิดเงื่อนไขกรมธรรม์ฯ จำเลยที่ ๓ บอกเลิกสัญญาประกันภัยแล้ว จำเลยที่ ๓ ประกันภัยเพียง ๕๐,๐๐๐ บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ๙๐,๔๐๐ บาท แต่จำเลยที่ ๓ ให้ร่วมรับผิดไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำฟ้องโจทก์มิได้กล่าวอ้างหรือแสดงว่าจำเลยที่ ๓ รับประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวไว้ในลักษณะประกันภัยค้ำจุนซึ่งจำเลยที่ ๓ ผู้รับประกันภัยตกลงจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัยเพื่อความวินาศภัยอันเกิดขึ้นแก่บุคคลอีกคนหนึ่ง และซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบฟ้องโจทก์จึงขาดสารสำคัญอันเป็นมูลที่จะให้จำเลยที่ ๓ ต้องรับผิด ในชั้นนำสืบโจทก์คงมีแต่นายธีรชัยลูกจ้างโจทก์เบิกความว่า ทราบว่ารถคันที่มาชนรถโจทก์มีประกันภัยไว้เท่านั้นไม่ได้นำสืบถึงความรับผิดของจำเลยที่ ๓ ไว้แต่อย่างใด ตามกรมธรรม์ประกันภัย หมาย ล.๗ ที่จำเลยที่ ๓ อ้างส่งศาล ก็ปรากฏว่าเป็นประกันภัยเพื่อความเสียหายหรือสูญหายต่อตัวรถยนต์ของผู้เอาประกันภัย อันเป็นการประกันวินาศภัยธรรมดาหาใช้เป็นการประกันภัยสำหรับความรับผิดที่ผู้เอาประกันภัยจะต้องใช้หนี้ค่าเสียหายในการที่รถยนต์ไปชนรถยนต์ของผู้อื่นทำให้รถยนต์ของผู้อื่นเสียหายอันมีลักษณะเป็นการประกันภัยค้ำจุนไม่ ดังนั้น ตามฟ้องและตามทางนำสืบของโจทก์ จำเลยที่ ๓ จึงไม่ต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ ๓ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๓ ให้เป็นพับ

Share