คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 695/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ในช่องคู่ความในคดีเดิม โจทก์จะระบุว่าจำเลยทั้งสองในฐานะผู้จัดการมรดกของ ป. เป็นจำเลย แต่ตามเนื้อหาของคำฟ้อง แสดงว่าโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองในฐานะทายาทผู้ครอบครองทรัพย์มรดกของผู้ตายด้วย ผู้ร้องซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 ในคดีดังกล่าวจึงเป็นคู่ความในฐานะส่วนตัวต้องผูกพันตามคำพิพากษาดังกล่าว ผู้ร้องจะมาอ้างในคดีใหม่อีกว่าทรัพย์พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องไม่ได้

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้อขอแบ่งมรดกของผู้ตาย คดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสองแบ่งทรัพย์มรดก ให้โจทก์ทั้งสอง ถ้าแบ่งไม่ได้ให้ขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งกัน ชั้นบังคับคดีผู้ร้องยื่นคำร้องว่าทรัพย์ที่โจทก์นำยึดไว้นั้น ไม่ใช่ทรัพย์มรดกของผู้ตายแต่เป็นทรัพย์ของผู้ร้อง ขอให้ถอนการยึด

โจทก์ให้การว่าผู้ร้องเป็นจำเลยในคดีดังกล่าวไม่ใช่บุคคลนอกคดี ผู้ร้องจึงต้องผูกพันตามคำพิพากษา ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ทรัพย์ตามคำร้องเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องไม่ใช่ทรัพย์ของผู้ตาย ผู้ร้องเป็นจำเลยในคดีดังกล่าวในฐานะเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายแต่ในชั้นร้องขัดทรัพย์ผู้ร้องยื่นคำร้องในฐานะส่วนตัว จึงไม่ใช่คู่ความรายเดียวกันคำพิพากษาคดีนี้ไม่ผูกพันผู้ร้อง ให้ถอนการยึดทรัพย์ตามคำร้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ในช่องคู่ความโจทก์จะระบุว่าจำเลยทั้งสองในฐานะผู้จัดการมรดกของผู้ตายเป็นจำเลย แต่ตามเนื้อหาของคำฟ้องแสดงว่าโจทก์ได้ฟ้องจำเลยทั้งสองในฐานะทายาทผู้ครอบครองทรัพย์มรดกของผู้ตายด้วย ผู้ร้องซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 จึงเป็นคู่ความในฐานะส่วนตัวต้องผูกพันตามคำพิพากษาดังกล่าวด้วยผู้ร้องจะมาอ้างในชั้นนี้อีกว่า ทรัพย์พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องหาได้ไม่

พิพากษายืน

Share