คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2741/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การเลี้ยงกุ้งกุลาดำมิใช่เป็นความผิดในตัวเองหากแต่จะมีความผิดเฉพาะเป็นการเข้าไปเลี้ยงกุ้งกุลาดำในเขตที่มีคำสั่งห้ามเลี้ยงเท่านั้น จำเลยเลี้ยงกุ้งกุลาดำในพื้นที่น้ำจืดในเขตที่มีคำสั่งห้ามเลี้ยงในช่วงระยะเวลาคาบเกี่ยวระยะเวลาที่ผ่อนผันให้เลี้ยง ฉะนั้น เครื่องสูบน้ำ ใบพัดพลาสติก และท่อเหล็กจึงมิใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดมาแต่เริ่มแรก หากแต่ใช้จนเลยกำหนดระยะเวลาผ่อนผันไปบ้างเท่านั้น ที่ศาลล่างใช้ดุลพินิจไม่ริบ จึงเป็นการใช้ดุลพินิจโดยชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535มาตรา 4, 9, 98 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 37ริบทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิดดังกล่าวและสั่งให้จำเลยส่งทรัพย์ที่ริบให้แก่พนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 มาตรา 98วรรคหนึ่ง จำคุก 10 เดือน ปรับ 80,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 5 เดือน ปรับ40,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อนเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยกลับตัว จึงให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 2 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ส่วนที่โจทก์ขอให้ริบทรัพย์นั้นเห็นสมควรไม่สั่งริบจึงให้ยกคำขอส่วนนี้ของโจทก์

โจทก์อุทธรณ์โดยอธิบดีอัยการเขต 7 ซึ่งได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุดรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการสุดท้ายมีว่า ควรริบอุปกรณ์ที่จำเลยใช้เลี้ยงกุ้งกุลาดำหรือไม่ซึ่งโจทก์ฎีกาว่า ควรริบทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดเพื่อปิดโอกาสมิให้จำเลยได้กระทำความผิดซ้ำอีกต่อไปนั้น เห็นว่า การเลี้ยงกุ้งกุลาดำมิใช่เป็นการกระทำความผิดในตัวเอง หากแต่จะมีความผิดเฉพาะเป็นการเข้าไปเลี้ยงกุ้งกุลาดำในเขตที่มีคำสั่งห้ามเลี้ยงเท่านั้น ฉะนั้นเครื่องสูบน้ำ, ใบพัดพลาสติก และท่อเหล็ก จึงมิใช่ทรัพย์ที่มีไว้ใช้เพื่อการกระทำความผิดซ้ำได้ด้วยตัวของทรัพย์เอง ประกอบกับจำเลยใช้ทรัพย์ที่โจทก์ขอให้ริบดังกล่าวในช่วงระยะเวลาคาบเกี่ยวกับระยะเวลาที่ผ่อนผันให้เลี้ยงได้ด้วย จึงมิใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดมาแต่เริ่มแรก หากแต่ใช้จนเลยกำหนดระยะเวลาผ่อนผันไปบ้างเท่านั้น ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจไม่ริบทรัพย์ตามบัญชีทรัพย์สินที่มีไว้ใช้ในการกระทำความผิดท้ายฟ้องซึ่งเป็นการใช้ดุลพินิจโดยชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาเห็นด้วยในผล แนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่โจทก์อ้างมาในฎีกานั้นข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ ฎีกาข้อนี้ของโจทก์ฟังไม่ขึ้นเช่นเดียวกัน”

พิพากษายืน

Share