คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 639-640/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งผู้ช่วยนายทะเบียนท้องถิ่น รับแจ้งย้ายบุคคลเข้าอยู่ในบ้านอันเป็นการทำเอกสารเท็จและปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตและจำเลยได้ย้ายบุคคลดังกล่าวไปอยู่ที่อื่นในการกระทำคราวเดียวกันกับที่จำเลยกรอกรายการย้ายเข้า จึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวกัน

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157, 162(2) เรียงกระทงความผิดตามมาตรา 157 บทหนัก มาตรา 91จำคุกระทงละ 6 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า เฉพาะการแจ้งย้ายเข้าจำเลยไม่ได้กระทำผิด ให้ลงโทษจำคุก 6 ปี เพียงกรรมเดียว โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปรากฏหลักฐานที่กองตรวจคนเข้าเมืองว่า นายบุญรอด แซ่ตั้ง หรือนายเซา หว่องซิง เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2517 ประเภทผ่านไม่มีวีซ่า และได้เดินทางออกไปเมื่อวันที่ 25มิถุนายน 2517 แล้วได้ลักลอกเข้ามาในประเทศไทยอีก ส่วนนายสุวรรณ แซ่ลิ้มหรือนายส้ม คง เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2517 มีวีซ่าประเภทคนเดินทางผ่านจะอยู่ในประเทศไทยได้ไม่เกิน 7 วัน แต่นายสุวรรณ แซ่ลิ้มไม่ได้เดินทางกลับออกไป คงอยู่ในประเทศไทยตลอดมา การที่จำเลยรับแจ้งย้ายเข้าและกรอกรายการว่านายบุญรอด แซ่ตั้ง ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเลขที่ 11/49เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2515 และนายสุวรรณ แซ่ลิ้ม ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเลขที่ 17/3 เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2514 ซึ่งเป็นระยะเวลาก่อนที่บุคคลทั้งสองจะเข้ามาในประเทศไทยนั้น เมื่อพิเคราะห์ประกอบกับระเบียบการย้ายเข้าอยู่ในบ้านใดบ้านหนึ่ง ผู้ที่ประสงค์จะย้ายเข้าจะต้องนำสำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าของบ้าน และหลักฐานการย้านจากต้นทางมาด้วยเพื่อเจ้าหน้าที่จะได้กรอกรายการผู้ย้ายเข้าลงในทะเบียนบ้านฉบับของอำเภอและฉบับของเจ้าของบ้านให้ถูกต้องตรงกัน แต่ปรากฏว่าบ้านเลขที่ 11/94 เจ้าของบ้านได้ยื่นคำร้องขอรื้อถอนไปแล้วตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2515 ซึ่งเป็นระยะเวลาก่อนที่นายบุญรอด แซ่ตั้ง จะลักลอกเข้ามาในประเทศไทย และทะเบียนบ้านเลขที่ 17/3 ฉบับเจ้าของบ้านไม่มีชื่อนายสุวรรณ แซ่ลิ้ม อยู่ด้วย เห็นได้ว่าการที่จำเลยรับแจ้งย้ายบุคคลทั้งสองเข้าอยู่ในบ้านทั้งสองหลังไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ตามปกติธรรมดา แต่เป็นการกรอกรายการย้ายเข้าโดยไม่มีการย้ายเข้าจริงและได้ลงวันเดือนปีที่ย้ายเข้าย้อนหลัง ซึ่งตามวันเดือนปีที่จำเลยระบุว่าบุคคลทั้งสองย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านทั้งสองหลังนั้น บุคคลทั้งสองยังไม่ได้เข้ามาอยู่ในประเทศไทย เป็นการทำเอกสารเท็จและปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เมื่อฟังว่าการที่จำเลยรับแจ้งย้ายเข้า เป็นการทำเอกสารเท็จและปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตแล้ว การที่จำเลยย้ายบุคคลทั้งสองไปอยู่ที่อื่น ส่อให้เห็นว่าจำเลยน่าจะได้กระทำในคราวเดียวกันกับที่จำเลยกรอกรายการย้ายเข้า ไม่มีเหตุที่จำเลยจะกรอกรายการย้ายเข้าอันเป็นเท็จเสียครั้งหนึ่งก่อน แล้วต่อมาจึงกรอกรายการย้ายออกอันเป็นเท็จอีกครั้งหนึ่ง การกระทำของจำเลยในการย้ายเข้าและย้ายออกจึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวกันนั่นเอง หาใช่เป็นความผิดต่างกรรมดังที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยไม่ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในผลแห่งคดีที่ให้ลงโทษจำเลยเพียงกรรมเดียว โดยให้จำคุกจำเลยสำนวนละ3 ปี รวมสองสำนวนเป็นจำคุก 6 ปี”

พิพากษายืน

Share