คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6380/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทางพิพาทเป็นทางจำเป็นศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันมาว่า ห้ามจำเลยและจำเลยร่วมเกี่ยวข้องกับทางพิพาท เมื่อที่ดินส่วนที่เป็นทางพิพาทยังคงเป็นของจำเลยและจำเลยร่วม ทั้งโจทก์มิได้มีคำขอให้ห้ามจำเลยและจำเลยร่วมเกี่ยวข้องกับทางพิพาท จึงเป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142
ตามคำขอท้ายฟ้อง โจทก์ขอให้จำเลยเปิดถนนหรือทางเข้าออกจากที่ดินของโจทก์ แต่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยและจำเลยร่วมเปิดทางกว้าง 3 เมตร จากที่ดินของจำเลยร่วมไปถึงถนนสาธารณะ อันไม่ตรงตามคำขอและอาจก่อให้เกิดปัญหาในการบังคับคดี ศาลฎีกาจึงระบุให้จำเลยและจำเลยร่วมเปิดทางจำเป็นให้ชัดแจ้งและไม่เกินกว่าที่โจทก์ขอ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำเลยและจำเลยร่วมร่วมกันใช้ค่าทนายความในศาลชั้นต้น 5,000 บาท แทนโจทก์ แต่คดีนี้เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ กฎหมายกำหนดค่าทนายความขั้นสูงในศาลชั้นต้นไว้ 3,000 บาท แม้ศาลชั้นต้นจะสามารถกำหนดให้จำเลยร่วมใช้ค่าทนายความได้ถึง 6,000 บาท เพราะจำเลยร่วมฟ้องแย้งก็ตาม แต่จำเลยมิได้ฟ้องแย้งด้วย ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรกำหนดค่าทนายความในศาลชั้นต้นเสียใหม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนรั้วลวดหนามและเสาปูนที่จำเลยสร้างปิดกั้นไว้ และให้จำเลยเปิดถนนหรือทางเข้าออกจากบ้านและที่ดินของโจทก์ โดยให้โจทก์ใช้ทางได้อย่างสภาพเดิม หากจำเลยไม่ยอมรื้อถอน ให้โจทก์มีอำนาจรื้อถอนได้เองโดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการรื้อถอน
จำเลยให้การว่าทางพิพาทไม่เป็นทางจำเป็น อย่างไรก็ตามหากโจทก์ประสงค์จะใช้ที่ดินของจำเลยเป็นทางออกสู่ทางถนนสุขาภิบาลท่าวุ้งก็ควรใช้ที่ดินชิดแนวเขตด้านทิศตะวันออกหรือด้านทิศตะวันตก ไม่ใช่ขอผ่านเข้าไปกลาง ที่ดินทั้งแปลง ทั้งโจทก์จะต้องจ่ายค่าใช้ที่ดินตามราคาท้องตลาด ตารางวาละ ๓,๐๐๐ บาท ปัจจุบันจำเลยได้ขายที่ดินของจำเลยให้แก่นางพวงเพ็ญ จามาศ แล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา นางพวงเพ็ญ จามาศ ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมเนื่องจากเป็นผู้ซื้อที่ดิน น.ส.๓ ก. เลขที่ ๙๒ จากจำเลย โดยขอถือเอาคำให้การจำเลยเป็นคำให้การจำเลยร่วมด้วยและฟ้องแย้งว่า หากศาลพิพากษาให้ใช้ที่ดิน น.ส.๓ ก. เลขที่ ๙๒ ตำบลท่าวุ้ง อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี เป็นทางจำเป็น ขอให้โจทก์ชำระเงินเป็นค่าใช้ทางคิดเป็นเนื้อที่ ๑๕ ตารางวา เป็นเงิน ๔๕,๐๐๐ บาท แก่จำเลยร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
โจทก์ให้การฟ้องแย้งว่า ที่จำเลยร่วมเรียกค่าใช้ทางเป็นเงิน ๔๕,๐๐๐ บาท นั้นสูงเกินไป
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและจำเลยร่วมเปิดทางพิพาทกว้าง ๓ เมตร ยาวจากที่ดิน น.ส.๓ ก. เลขที่ ๙๒ ของจำเลยร่วมไปถึงถนนสุขาภิบาลท่าวุ้ง โดยให้โจทก์ใช้ค่าทดแทนความเสียหายให้จำเลยร่วมจำนวน ๓,๐๐๐ บาท ต่อปี ห้ามจำเลยและจำเลยร่วมเกี่ยวข้องกับทางพิพาท ให้จำเลยและจำเลยร่วมใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนด ค่าทนายความ ๕,๐๐๐ บาท คำขออื่นให้ยก
จำเลยและจำเลยร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษายืน ให้จำเลยและจำเลยร่วมร่วมกันใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ ๑,๕๐๐ บาท แทนโจทก์
จำเลยและจำเลยร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยและจำเลยร่วมว่าทางพิพาทเป็นทางจำเป็นหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดินของโจทก์ถูกที่ดินแปลงอื่นปิดกั้น สามารถออกสู่ทางสาธารณะประโยชน์ได้โดยทางพิพาทเพียงทางเดียว ทางพิพาทจึงเป็นทางจำเป็น จำเลยและจำเลยร่วมไม่มีสิทธิที่จะปิดกั้น สำหรับฎีกาอื่นของจำเลยและจำเลยร่วมล้วนไม่เป็นสาระที่จะทำให้ผลของคดีเปลี่ยนไป จึงไม่ยกขึ้นวินิจฉัยให้
อนึ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันมาว่า ห้ามจำเลยและจำเลยร่วมเกี่ยวข้องกับทางพิพาทนั้น แม้ว่าทางพิพาทจะเป็นทางจำเป็นแก่ที่ดินโจทก์ก็ตาม แต่ที่ดินส่วนที่เป็นทางพิพาทยังคงเป็นของจำเลยและจำเลยร่วม ทั้งโจทก์ มิได้มีคำขอให้ห้ามจำเลยและจำเลยร่วมเกี่ยวข้องกับทางพิพาท จึงเป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๒ นอกจากนั้นตามคำขอท้ายฟ้องโจทก์ขอให้จำเลยเปิดถนนหรือทางเข้าออกจากที่ดินของโจทก์ แต่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยและจำเลยร่วมเปิดทางกว้าง ๓ เมตร จากที่ดิน น.ส.๓ ก. เลขที่ ๙๒ ของจำเลยร่วมไปถึงถนนสุขาภิบาลท่าวุ้ง อันไม่ตรงตามคำขอและอาจก่อให้เกิดปัญหาในการบังคับคดีได้ ศาลฎีกาจึงระบุให้จำเลยและจำเลยร่วมเปิดทางจำเป็นเสียให้ชัดแจ้งและไม่เกินกว่าที่โจทก์ขอมาได้ และที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำเลยและจำเลยร่วมร่วมกันใช้ค่าทนายความในศาลชั้นต้น ๕,๐๐๐ บาท แทนโจทก์นั้น เห็นว่า คดีนี้เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์กฎหมายกำหนดค่าทนายความขั้นสูงในศาลชั้นต้นไว้ ๓,๐๐๐ บาท แม้ศาลชั้นต้นจะสามารถกำหนดให้จำเลยร่วมใช้ค่าทนายความได้ถึง ๖,๐๐๐ บาท เพราะจำเลยร่วมฟ้องแย้งก็ตาม แต่จำเลยมิได้ฟ้องแย้งด้วย ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรกำหนดค่าทนายความในศาลชั้นต้นเสียใหม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยบางส่วน ฎีกาของจำเลยและจำเลยร่วมฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ทางพิพาทมีความกว้าง ๓ เมตร มีความยาวตลอดแนวจากที่ดินของโจทก์ผ่านที่ดินของจำเลยและจำเลยร่วมไปจนถึงถนนสุขาภิบาลท่าวุ้งตามที่ปรากฏในแผนที่พิพาท เอกสารหมาย จ.๑ และแผนที่เดินเผชิญสืบในสำนวนตกเป็นทางจำเป็นแก่ที่ดินโจทก์ ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งกีดขวางออกไปจากทางพิพาท ให้จำเลยและจำเลยร่วมร่วมกันใช้ค่าทนายความในศาลชั้นต้น ๓,๐๐๐ บาท แทนโจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๒ ให้จำเลยและจำเลยร่วมร่วมกันใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา ๑,๐๐๐ บาท แทนโจทก์

Share