แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การจ้างปูพรมที่โจทก์ผู้รับจ้างจัดซื้อแผ่นยางรองพื้นพรมมาจากผู้อื่น แล้วปูแผ่นยางรองพื้นพรมและพรมให้แก่ลูกค้าจนสำเร็จโดยคิดราคาแผ่นยางรองพื้นพรมต่างหากจากค่าแรงงานนั้น แม้โจทก์จะถือว่าซื้อแผ่นยางรองพื้นพรมแล้วขายให้แก่ลูกค้าไป แต่โจทก์ก็ต้องปูพรมโดยใช้แผ่นยางรองพื้นพรมนั้นเพื่อช่วยให้พรมที่ปูมีความนุ่มและสวยงามตามที่ลูกค้าต้องการ พรมและแผ่นยางรองพื้นพรมจึงเป็นส่วนประกอบของกันและกันเพื่อให้งานสำเร็จสมเจตนาของคู่กรณี จึงเป็นเรื่องการรับจ้างทำของ ราคาแผ่นยางรองพื้นพรมที่โจทก์คิดจากลูกค้าจึงเป็นรายรับจากการรับจ้างทำของอันจะต้องเสียภาษีการค้า.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เจ้าพนักงานประเมินมีหนังสือแจ้งการประเมินภาษีการค้าของโจทก์สำหรับเดือนธันวาคม 2525 และเดือนมกราคมถึงธันวาคม 2526 เป็นการเพิ่มเติมจากภาษีการค้าที่โจทก์ได้ยื่นเสียไว้สำหรับระยะเวลาดังกล่าว โดยอ้างว่าในเดือนธันวาคม2525และเดือนมกราคมถึงธันวาคม 2526 โจทก์มีรายรับจากการประกอบกิจการรับจ้างทำพรมและให้เช่าเครื่องปรับอากาศ แต่นำรายรับยื่นเสียภาษีการค้าไว้ไม่ถูกต้องครบถ้วน คือ ในเดือนธันวาคม 2525 และเดือนมกราคมถึงธันวาคม 2526 โจทก์ไม่ได้นำรายรับส่วนที่เป็นเงินที่โจทก์ขายแผ่นยางรองพื้นพรมให้แก่ลูกค้ามารวมคำนวณเป็นรายรับจากการรับจ้างทำของ โจทก์อุทธรณ์คัดค้าน ต่อมาคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์วินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์ โดยให้เหตุผลว่า การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินถูกต้องตามหลักฐานและชอบแล้วทุกประเด็นโจทก์เห็นว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์เป็นการไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริงและกฎหมาย กล่าวคือ รายได้ที่โจทก์ได้รับในเดือนธันวาคม 2525 และเดือนมกราคมถึงธันวาคม 2526ตามที่เจ้าพนักงานประเมินได้อ้างไว้นั้น เป็นรายได้จากการซื้อสินค้ามาขาย โดยโจทก์ไม่ได้ติดชื่อการค้าหรือเครื่องหมายการค้าของโจทก์แต่เป็นการขายสินค้าในสภาพเดิมกับที่ซื้อมาซึ่งเป็นลักษณะของการซื้อมาขายไป ไม่อยู่ในข่ายที่จะต้องเสียภาษีการค้าจากรายได้ดังกล่าว เพราะกรณีของโจทก์ไม่ใช่การรับจ้างทำของขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีตามหนังสือแจ้งการประเมินภาษีการค้าและคำวินิจฉัยอุทธรณ์เลขที่ 564/2532/2 ลงวันที่ 24 มีนาคม 2532
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่าจากการตรวจสอบปรากฏว่าในรอบระยะเวลาบัญชี (เดือนธันวาคม) พ.ศ. 2525 โจทก์มีรายได้จากการให้เช่าเครื่องปรับอากาศที่ติดตั้งไว้กับสำนักงานตามสัญญาเช่าเป็นเงิน 13,267.60 บาท และรายรับจากการรับจ้างปูพรม เป็นเงิน277,933.31 บาท แต่โจทก์มิได้นำไปสำแดงเพื่อเสียภาษีซึ่งต้องเสียภาษีการค้าประเภทการให้เช่าทรัพย์สินและรับจ้างทำของภาษีบำรุงเทศบาล ทั้งจะต้องเสียเบี้ยปรับเงินเพิ่มด้วย ในรอบระยะเวลาบัญชี พ.ศ. 2526 โจทก์มีรายได้จากการให้เช่าเครื่องปรับอากาศที่ติดตั้งไว้กับสำนักงานเป็นเงิน 171,349.16 บาท และรายรับจากการรับจ้างปูพรมเป็นเงิน 4,769,662.68 บาท แต่ดจทก์มิได้นำรายรับดังกล่าวไปสำแดงเพื่อเสียภาษี ซึ่งจะต้องเสียภาษีการค้าประเภทการให้เช่าทรัพย์สินและรับจ้างทำของ ภาษีบำรุงเทศบาลทั้งจะต้องเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มด้วย โจทก์รับทราบจำนวนภาษีการค้าที่ต้องชำระเพิ่ม ยินยอมชำระภาษีโดยไม่มีข้อโต้แย้งแต่โจทก์อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ว่า รายรับจำนวน277,933.31 บาท ในรอบระยะเวลาบัญชีปี พ.ศ. 2525 และรายรับในรอบระยะเวลาบัญชีปี พ.ศ. 2526 จำนวน 4,769,662.68 บาท มิใช่รายรับที่โจทก์ได้รับจากการรับจ้างปูพรม แต่เป็นรายรับที่ได้จากการซื้อสินค้ามาขายโดยมิได้ติดชื่อการค้าหรือเครื่องหมายการค้าของโจทก์ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เห็นว่าการประเมินเรียกเก็บภาษีการค้าของเจ้าพนักงานจำเลยถูกต้อง และชอบด้วยกฎหมาย จึงมีคำวินิจฉัยให้ยกคำอุทธรณ์ของโจทก์ การประเมินเรียกเก็บภาษีการค้าของเจ้าพนักงานจำเลยถูกต้อง และชอบด้วยกฎหมาย จึงมีคำวินิจฉัยให้ยกคำอุทธรณ์ของโจทก์ การประเมินเรียกเก็บภาษีการค้าของเจ้าพนักงานจำเลยถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายแล้ว สำหรับรายรับที่โจทก์รับจากการให้เช่าเครื่องปรับอากาศ สำหรับเดือนธันวาคมพ.ศ. 2525 จำนวน 13,267.60 บาท และสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี พ.ศ. 2526 จำนวน 171,349.16 บาท โจทก์มิได้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ จึงไม่มีอำนาจนำประเด็นทั้งสองดังกล่าวมาฟ้องและไม่มีอำนาจขอให้ศาลเพิกถอนการประเมินการเรียกเก็บภาษีการค้าทั้งสองรายการดังกล่าวของเจ้าพนักงานจำเลย ขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “ข้อต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์มีว่า รายรับในเดือนธันวาคม 2525 จำนวน 277,933.31บาท และรายรับเดือนมกราคม – ธันวาคม 2526 จำนวน 4,769,662.68 บาทเป็นรายรับจากการขายสินค้าอันไม่ต้องเสียภาษีการค้าหรือเป็นรายรับจากการรับจ้างทำของอันจะต้องเสียภาษีการค้า…พิเคราะห์แล้วข้อโต้เถียงเกี่ยวกับรายรับของโจทก์ในเดือนธันวาคม 2525จำนวน 277,933.31 บาท และเดือนมกราคม-ธันวาคม 2526 จำนวน4,769,662.68 บาท ว่าเป็นรายรับจากการขายแผ่นยางรองพื้นพรมหรือเป็นการรับจ้างทำของนั้น เห็นว่า ต้องพิจารณาตามลักษณะของงานที่ทำและเจตนาของคู่สัญญา ตามข้อเท็จจริงในคดีนี้ปรากฏลักษณะการทำงานของโจทก์เป็นการรับจ้างปูพรมให้แก่ลูกค้า แต่ถ้าลูกค้ารายใดต้องการใช้แผ่นยางรองพื้นพรม ในการรับจ้างปูพรม โจทก์เป็นผู้จัดการหาแผ่นยางรองพื้นพรมให้ โดยซื้อมาจากผู้อื่นแล้วจัดการปูแผ่นยางรองพื้นพรมและปูพรมให้แก่ลูกค้าจนเรียบร้อย โจทก์คิดค่าแรงงานส่วนหนึ่งและราคาแผ่นยางรองพื้นพรมอีกส่วนหนึ่งโดยถือว่าราคาแผ่นยางรองพื้นพรมเป็นสินค้าที่โจทก์ซื้อมาและขายไปลักษณะการทำงานของโจทก์เช่นนี้เห็นได้ว่าโจทก์ต้องทำงานปูพรมให้แก่ลูกค้าให้สำเร็จ ทั้งเจตนาของคู่กรณีอยู่ที่ผลสำเร็จแห่งการงานที่ลูกค้าจ้างให้โจทก์ปูพรมให้ ทั้งการปูแผ่นยางรองพื้นพรมก็เป็นส่วนประกอบของพรม เพื่อช่วยให้พรมมีความนุ่มและสวยงามฉะนั้นแผ่นยางรองพื้นพรมหรือพรมที่ปูก็เป็นส่วนประกอบกันให้งานสำเร็จตามที่ลูกค้าต้องการ แม้โจทก์จะได้จัดการซื้อแผ่นยางรองพื้นพรมและขายให้ลูกค้าอย่างที่โจทก์ดำเนินการอยู่ แต่เมื่อโจทก์เป็นผู้จัดการปูพรมและต้องใช้แผ่นยางรองพื้นพรมดังกล่าวเพื่อให้งานที่โจทก์รับจ้างปูพรมสำเร็จผล จึงเป็นเรื่องการรับจ้างทำของ ราคาแผ่นยางรองพื้นพรมที่พิพาทกันจึงเป็นรายรับจากการรับจ้างทำของอันจะต้องเสียภาษีการค้า อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.