คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6351/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

สัญญาซื้อขายรถแทรกเตอร์ระบุว่า กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินยังเป็นของผู้ขายจนกว่าผู้ซื้อจะชำระเงินให้ผู้ขายจนครบถ้วนแล้ว ดังนี้กรรมสิทธิ์ในรถแทรกเตอร์ยังไม่โอนไปยังผู้ซื้อจนกว่าผู้ซื้อจะชำระราคาครบถ้วนแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องโดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยทั้งหกผิดสัญญาซื้อขายรถแทรกเตอร์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งหกชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ให้การและแก้ไขคำให้การกับฟ้องแย้งว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา ทำให้จำเลยที่ 1 เสียหาย ขอให้ยกฟ้อง และให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่จำเลยที่ 1
จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 6 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3และที่ 4 กระทำในนามของจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา ค่าเสียหายสูงเกินไป ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 5 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งจำเลยที่ 1 ว่า โจทก์มิได้ผิดสัญญาขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง และให้โจทก์ชำระเงินแก่จำเลยที่ 1 พร้อมดอกเบี้ย คำขออื่นของจำเลยที่ 1 นอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์โดยได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์อย่างคนอนาถา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาโดยได้รับอนุญาตให้ฎีกาอย่างคนอนาถา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์ฎีกาข้อแรกว่า โจทก์เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ซื้อขายตามสัญญา นั้น เห็นว่า ตามสัญญาข้อ 2 เอกสารหมาย จ.1 ระบุว่า “ในวันที่ทำสัญญาฉบับนี้ ผู้ซื้อได้รับทรัพย์สินดังกล่าวในข้อ 1 ไปเรียบร้อยแล้วและทรัพย์สินดังกล่าวนี้เป็นทรัพย์สินที่ผู้ซื้อได้ตรวจสอบและพอใจ ทั้งนี้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ว่านี้ยังเป็นของผู้ขายแต่เพียงผู้เดียวตลอดไปจนกว่าผู้ซื้อจะได้จัดการชำระเงินตามข้อ 1 ให้แก่ผู้ขายจนเป็นที่เรียบร้อยครบถ้วนแล้ว” เมื่อสัญญาระบุชัดเจนว่า กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินยังเป็นของผู้ขาย โจทก์จึงยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ตามที่ฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share