คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2135/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องไม่ได้เป็นบุตรของ ส.แต่ส.จดทะเบียนสมรสกับล. และมีชื่อร่วมกันในที่ดินตามใบจอง (น.ส.2) หลังจาก ส.ตายแล้ว ล.จึงตาย ผู้ร้องในฐานะบุตรของ ล.จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในที่ดินดังกล่าว ผู้มีส่วนได้เสียตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713ไม่จำต้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในฐานะทายาทโดยธรรมหรือในทางพินัยกรรมของผู้ตายโดยตรง เมื่อกองมรดกของ ส.ตกเป็นของผู้ร้องอยู่ด้วยผู้ร้องย่อมมีสิทธิร้องขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของส.ได้

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นผู้ที่มีส่วนได้เสียในที่ดินมรดกของนายสง่าโดยรับมรดกสืบต่อจากมารดา แต่การจัดการมรดกมีเหตุขัดข้อง ขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนายสง่า ลอยแก้วหรือแก้วเงิน ผู้ตาย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อนายสง่าตาย กองมรดกของผู้ตายย่อมตกทอดแก่ทายาทโดยสิทธิตามกฎหมายหรือโดยพินัยกรรม แม้ผู้ร้องไม่ได้เป็นบุตรของนายสง่า แต่นายสง่าได้จดทะเบียนสมรสกับนางลำดวนหรือดวน ระหว่างที่นายสง่ากับนางลำดวนหรือดวนมีชีวิตอยู่ได้มีชื่อร่วมกันในที่ดินตามใบจอง (น.ส.2) เลขที่ 272เอกสารหมาย ร.6 นายสง่าตาย แล้วนางลำดวนหรือดวนจึงตายผู้ร้องในฐานะบุตรของนางลำดวนหรือดวนจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในที่ดินดังกล่าว คำว่าผู้มีส่วนได้เสียตามมาตรา 1713 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ไม่จำต้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในฐานะทายาทโดยธรรมหรือในทางพินัยกรรมของผู้ตายโดยตรง เมื่อกองมรดกของนายสง่าตกเป็นของผู้ร้องอยู่ด้วย ผู้ร้องย่อมมีสิทธิร้องขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนายสง่าได้
พิพากษากลับ ให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนายสง่าลอยแก้วหรือแก้วเงิน ผู้ตายโดยให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย

Share