แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยเข้าไปในบ้านผู้เสียหายเพื่อพูดกับผู้เสียหายถึงการรื้อบ้านของผู้เสียหายซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินที่ผู้เสียหายกับจำเลย ตกลงกันให้จำเลยซื้อคืน ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าจำเลยเข้าไปโดย ไม่มีเหตุอันสมควร
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถานของผู้เสียหาย และใช้ปืนบังคับขู่ว่าจะยิงทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของ ผู้เสียหายโดยปกติสุข ดังนี้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจะถือว่าจำเลยกระทำการอันเป็นการรบกวนการครอบครอง อสังหาริมทรัพย์ไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนพกสั้นโอโตเมติคขนาด 7.65บุกรุกเข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถานซึ่งอยู่ในความครอบครองของนายชาย อินทร์สุวรรณ โดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุอันสมควรที่จะเข้าไป และใช้อาวุธปืนบังคับขู่ว่าจะยิงทำร้ายร่างกายนายชายอินทร์สุวรรณ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของนายชาย อินทร์สุวรรณ โดยปกติสุข เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยอาวุธปืนและกระสุนปืน 6 นัด ซึ่งจำเลยใช้ในการทำผิดดังกล่าวเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 365 และสั่งริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365(1) และ (2) ให้จำคุก 2 ปี ของกลางให้ริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่า โจทก์มีคำผู้เสียหายและนางชู อินทร์สุวรรณ เป็นประจักษ์พยานยืนยันว่า จำเลยได้ขึ้นไปบนบ้านผู้เสียหาย เกิดเหตุแล้วผู้เสียหายได้ไปแจ้งความต่อนายสังข์ แก้วเกิดเคน ผู้ใหญ่บ้านในทันทีทันใด นายสังข์ แก้วเกิดเคน ได้ออกไปที่เกิดเหตุเดี๋ยวนั้น ก็ยังเห็นจำเลยถือปืนยืนอยู่บนระเบียงบ้านผู้เสียหายและยังขอร้องจำเลยให้พูดกันดี ๆ อย่าก่อเรื่องคดีฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่าจำเลยได้เข้าไปในบ้านผู้เสียหายจริง
“ปัญหาต่อไปมีว่าการกระทำของจำเลยจะเป็นความผิดตามโจทก์ฟ้องหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยเข้าไปในบ้านผู้เสียหายก็เพื่อพูดกับผู้เสียหายถึงการรื้อบ้านของผู้เสียหายซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินที่ผู้เสียหายกับจำเลยตกลงกันให้จำเลยซื้อคืน ผู้เสียหายก็รับว่าได้บอกจำเลยว่าจะยอมรื้อบ้าน เมื่อจำเลยชำระค่าที่ดินให้แล้ว การที่จำเลยเข้าไปเพื่อเจรจาเรื่องราวอันมีข้อตกลงติดพันกันอยู่เช่นนี้ แม้วันที่จำเลยไปพูดนี้ จำเลยยังไม่ได้ชำระเงินค่าที่ดินให้ผู้เสียหาย ก็ถือไม่ได้ว่าไม่มีเหตุอันสมควร ส่วนปัญหาเรื่องการรบกวนการครอบครองนั้น โจทก์บรรยายถึงการกระทำของจำเลยเกี่ยวกับข้อหาฐานนี้ว่า “และได้ใช้อาวุธปืนบังคับขู่เข็ญว่าจะยิงทำร้ายร่างกายนายชาย อินทร์สุวรรณ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของนายชาย อินทร์สุวรรณ โดยปกติสุข” แสดงว่าโจทก์ถือเอาการที่จำเลยขู่เข็ญจะทำร้ายเป็นการกระทำอันรบกวนการครอบครองซึ่งศาลฎีกาเห็นว่า ตามฟ้องแสดงว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น จะถือว่าจำเลยกระทำการอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้ แม้โจทก์จะนำสืบว่าจำเลยได้พูดกับผู้เสียหายว่าให้รื้อบ้านออกไปก็เป็นข้อเท็จจริงที่มิได้กล่าวในฟ้องจะนำมาลงโทษจำเลยหาได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 ที่แก้ไขใหม่แต่คำพิพากษาศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยในเรื่องอาวุธปืนของกลางซึ่งศาลชั้นต้นสั่งริบไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186(9)
พิพากษายืนในผลคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ยกฟ้องโจทก์ อาวุธปืนและกระสุนปืนของกลางคืนจำเลย”