คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1221/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายร้องทุกข์กล่าวหาว่าโจทก์ฉ้อโกง อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 348 ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้แล้วโจทก์ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความจะใช้หนี้ให้แก่ผู้กล่าวหาร้องทุกข์ แต่แล้วโจทก์ไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น เมื่อผู้กล่าวหาร้องทุกข์ยังมิได้ถอนคำร้องทุกข์และยืนยันให้ดำเนินคดีแก่โจทก์ต่อไป ทำให้จำเลยซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนเข้าใจว่าผู้กล่าวหาร้องทุกข์ยังมีสิทธิขอให้ดำเนินคดีแก่โจทก์ต่อไปได้ จึงดำเนินคดีแก่โจทก์ต่อมาเช่นนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่เป็นเจ้าพนักงานตำรวจ และจำเลยที่ 1เป็นพนักงานสอบสวน ได้กระทำผิดกฎหมายหลายบทหลายกระทง คือ จำเลยที่ 1 ใช้ตำแหน่งหน้าที่ปฏิบัติราชการโดยมิชอบและเจตนาทุจริต สมคบกับนางปีเซาะ ปานนพภา ผู้กล่าวหา รับแจ้งความร้องทุกข์อันเป็นเท็จว่า โจทก์ฉ้อโกงผู้กล่าวหาเป็นจำนวนเงิน 4,070 บาท แล้ววันเดียวกันจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 จับกุมและควบคุมโจทก์อันเป็นการไม่ชอบ แล้วจำเลยที่ 1 ได้ใช้วาจาขู่เข็ญ บังคับขืนใจให้โจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความชำระหนี้เงิน 4,070 บาท หากโจทก์ปฏิเสธ จะไม่อนุญาตให้ประกัน โจทก์จำต้องยอมทำตาม แต่จำเลยที่ 1 โดยทุจริต ยังไม่ยอมเลิกคดี ได้ร่วมกับนางปีเซาะบังคับขู่เข็ญให้โจทก์ต้องนำเงินมาชำระก่อน โจทก์เห็นว่าหนี้ดังกล่าวมิชอบด้วยกฎหมายจึงไม่ชำระ พนักงานสอบสวนจึงส่งสำนวนให้พนักงานอัยการฟ้องโจทก์ แต่พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 84, 148, 157, 161, 162, 200, 309, 310 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 4, 13

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งประทับฟ้องคดีมีมูลเฉพาะจำเลยที่ 1 ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4

จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่า ฎีกาของโจทก์ข้อ 2(ก) เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ส่วนฎีกาข้อ 2(ข) ที่โจทก์ฎีกาว่า นางปีเซาะผู้กล่าวหาร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่โจทก์ในข้อหาฐานฉ้อโกงซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ เมื่อโจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความใช้หนี้ให้นางปีเซาะแล้ว แม้นางปีเซาะจะยังมิได้ถอนคำร้องทุกข์ คดีก็ต้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) การที่จำเลยที่ 1 ยังคงดำเนินคดีต่อมาจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย นั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย

ได้พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่า โจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความจะใช้หนี้ให้นางปีเซาะผู้กล่าวหาตามเอกสารหมาย ล.1 นางปีเซาะยังมิได้ถอนคำร้องทุกข์แต่โจทก์ไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความตามเอกสารหมาย ล.1นางปีเซาะยืนยันให้ดำเนินคดีแก่โจทก์ต่อไป จำเลยที่ 1 จึงดำเนินคดีแก่โจทก์ตามกฎหมาย ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ความผิดฐานฉ้อโกงที่นางปีเซาะกล่าวหาโจทก์เป็นความผิดอันยอมความกันได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 348 แต่โจทก์ไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความตามเอกสารหมาย ล.1 ทำให้จำเลยที่ 1 และนางปีเซาะเข้าใจว่าโจทก์เลิกสัญญาประนีประนอมยอมความตามเอกสารหมาย ล.1 นั้นเสียแล้ว เมื่อนางปีเซาะยังมิได้ถอนคำร้องทุกข์ และยืนยันให้ดำเนินคดีแก่โจทก์ต่อไป ทำให้จำเลยที่ 1 เข้าใจว่านางปีเซาะยังมีสิทธิขอให้ดำเนินคดีแก่โจทก์ต่อไปได้ จำเลยที่ 1 จึงดำเนินคดีแก่โจทก์ต่อไปตามกฎหมายการกระทำของจำเลยที่ 1 เช่นนี้ ยังไม่อาจถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงไม่เป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์

Share