แหล่งที่มา : สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ
ย่อสั้น
การที่แขวงทางหลวงชลบุรีที่ ๑ ซึ่งเป็นหน่วยงานของกรมทางหลวง จำเลยที่ ๑ ได้คัดค้านแนวเขตที่ดินของโจทก์เมื่อโจทก์ขอรังวัดสอบเขตที่ดินของตนนั้น เป็นการกระทำในฐานะผู้มีหน้าที่ดูแลรักษาที่สาธารณะซึ่งเป็นเพียงการใช้สิทธิของเจ้าของที่ดินข้างเคียงเช่นเดียวกับเอกชนทั่วไปในการระวังแนวเขตที่ดินอันเนื่องมาจากมีการขอรังวัดสอบเขตที่ดินของโจทก์ ตามมาตรา ๖๙ ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เพื่อมิให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินติดกันรังวัดสอบเขตที่ดินของตนรุกล้ำเข้ามาในแนวเขตที่ดินสาธารณะ การคัดค้านการรังวัดที่ดินของแขวงทางหลวงชลบุรีที่ ๑ จึงมิใช่การใช้อำนาจตามกฎหมายที่โจทก์จะฟ้องขอให้เพิกถอนคำคัดค้าน ซึ่งจะเข้าลักษณะคดีพิพาท ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้ เมื่อแขวงทางหลวงชลบุรีที่ ๑ คัดค้านการรังวัดสอบเขตที่ดินของโจทก์ โดยอ้างว่าโจทก์รังวัดรุกล้ำเข้ามาในที่ดินสาธารณะ แต่โจทก์ยืนยันว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินของตน โดยเจ้าพนักงานที่ดินได้สอบสวนไกล่เกลี่ยตาม มาตรา ๖๙ ทวิ วรรคห้า แห่งประมวลกฎหมายที่ดินแล้ว แต่ไม่อาจตกลงกันได้ กรณีจึงเป็นข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม ส่วนคำฟ้องที่กล่าวหาว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำเลยที่ ๒ ปักเสาไฟฟ้าพาดสายจ่ายไฟฟ้าเข้ามาในที่ดินของโจทก์ อันเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์นั้น การกระทำดังกล่าวมิได้เกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมายของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ อันจะเข้าหลักเกณฑ์ของมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ที่จะอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ทั้งข้อพิพาทดังกล่าวเป็นเพียงผลของการวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินพิพาทระหว่างโจทก์กับแขวงการทางชลบุรี ที่ ๑ หน่วยงานในสังกัดจำเลยที่ ๑ ซึ่งหากศาลวินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ การที่จำเลยที่ ๒ ปรับปรุงผิวจราจรและการก่อสร้างทางเท้าและปักเสาพาดสายไฟฟ้าในที่ดินพิพาทก็เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ แต่หากที่ดินพิพาทเป็นที่ดินของรัฐ ซึ่งอยู่ในการดูแลรักษาของจำเลยที่ ๑ แล้วจะเป็นผลให้จำเลยที่ ๒ เข้าไปปักเสาพาดสายไฟฟ้าในที่ดินพิพาทได้โดยไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ ดังนั้นข้อพิพาทในคดีนี้จึงเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลยุติธรรม